จากผลประกอบการ ธนาคารฯ ยังคงมีความสามารถในการสร้างผลกำไรอย่างต่อเนื่อง แต่ผลกำไรสุทธิที่ลดลงในไตรมาสนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เกิดขึ้นจากธนาคารฯ มีการรับรู้รายได้เพียงครั้งเดียวจากการขายหุ้นบริษัทซึ่งประกอบธุรกิจประกันภัย ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2557 และอีกส่วนหนึ่งที่กระทบ ต่อผลกำไรสุทธิของไตรมาสนี้ เนื่องจากการบริหารสินเชื่อด้วยความระมัดระวัง โดยธนาคารฯ ได้มีการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม กำไรที่ลดลงจากปัจจัยสองประการดังกล่าวได้รับการทดแทนด้วย ผลประกอบการที่เติบโตขึ้นจากรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิ รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ และรายได้จากธุรกรรมปริวรรตเงินตราต่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นในไตรมาสปัจจุบัน
นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและรองประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์กล่าวว่า "สภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ยังคงเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจของลูกค้าโดยส่วนใหญ่ เนื่องด้วยมีปัจจัยทั้งภายในและภายนอกที่ฉุดรั้งการเติบโตของสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ด้วยเหตุนี้ ธนาคารฯ จึงได้ตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มเติม เพื่อรองรับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อคุณภาพของสินเชื่อ อย่างไรก็ตาม การตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้นก็เพื่อรองรับผลกระทบต่อคุณภาพสินทรัพย์ที่อาจเกิดขึ้นได้ในสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวดังเช่นปัจจุบัน แม้สภาพเศรษฐกิจดังกล่าว ธนาคารฯ ยังคงมีประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และสามารถรักษาระดับของผลประกอบการด้วยดีตลอดมา ซึ่งเป็นบทพิสูจน์ของพื้นฐานที่แข็งแกร่งและประสิทธิภาพในการดำเนินงานของธนาคารฯ ได้เป็นอย่างดี"
รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ ในไตรมาสที่ 2/2558 เพิ่มขึ้นเป็น 20,814 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1.9% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว เป็นผลจากการเติบโตของสินเชื่อในอัตรา 4.8% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา ประกอบกับผลตอบแทนจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้น และกลยุทธ์การลดต้นทุนเงินฝาก
รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย ลดลง 5.5% จากไตรมาสที่ 2 ของปีก่อน อยู่ที่ 12,447 ล้านบาท การลดลงของรายได้ดังกล่าวเนื่องมาจาก เมื่อปีที่ผ่านมาธนาคารฯ มีการรับรู้รายได้ที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวจากการขายหุ้นที่ธนาคารฯ เคยถือครองอยู่ในธุรกิจประกันภัย ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของธนาคารฯ รายได้ที่ลดลงส่วนนี้ได้รับการทดแทนด้วยผลประกอบการที่เติบโตขึ้นของรายได้จากค่าธรรมเนียมสุทธิ และรายได้จากธุรกรรมปริวรรตเงินตราต่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นในไตรมาสนี้ ทั้งนี้ หากไม่คิดรวมกำไรจากการลงทุนดังกล่าวแล้ว รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยในไตรมาส 2/2558 จะมีอัตราเพิ่มขึ้น 9.5% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา
จากสภาพเศรษฐกิจที่มีการฟื้นตัวล่าช้ากว่าตามที่คาดการณ์ไว้ ธนาคารฯ จึงตั้ง ค่าสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเป็นจำนวน 5,131 ล้านบาทสำหรับไตรมาสที่ 2 นี้ โดยเพิ่มขึ้นจาก 3,601 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 1/2558 และ 3,220ล้านบาทจากไตรมาสที่ 2 ของปีก่อน การตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยสำคัญเพื่อรองรับผลกระทบต่อคุณภาพสินทรัพย์ที่อาจเกิดขึ้นได้ในระหว่างสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวดังเช่นปัจจุบัน โดยมีอัตราส่วน สินเชื่อด้อยคุณภาพ อยู่ที่ 2.22% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558 เพิ่มขึ้นจาก 2.11% จาก ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2557
นายญนน์ โภคทรัพย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า "ผลประกอบการที่ดี อย่างต่อเนื่องสะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือร่วมใจของพนักงานในกลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์ให้ก้าวผ่านอุปสรรคที่เกิดขึ้นตลอดไตรมาสที่ผ่านมา นี่คือความมุ่งมั่นเหนือสิ่งอื่นใดที่ผลักดันให้ธนาคารฯ มีความโดดเด่นในธุรกิจและสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมให้เป็นไปตามความคาดหวังของทั้งลูกค้า พนักงาน ผู้ถือหุ้น และสังคม"