นายไรวินท์ เลขวรนันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบูรพาเทคนิคอล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ในเครือ Eastern Group เปิดเผยว่า บริษัทฯ กำลังอยู่ในช่วงโค้งสุดท้ายของการเตรียมความพร้อมยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในเดือนสิงหาคม 2558 นี้ โดยมีบริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด มาเป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้และจะสามารถทำการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ได้ในต้นปี 2559
"ขณะนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะใช้งบในไตรมาส 3 ยื่นไฟลิ่ง โดยใช้ทุนจดทะเบียน 135 ล้านบาท และคาด ว่าจะเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวน 180 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.25 บาทต่อหุ้น ซึ่งอาจมีการปรับพาร์อีกครั้ง ก่อนเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 20% ของทุนจดทะเบียนภายหลังการเพิ่มทุน"
"สำหรับการจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ mai ในครั้งนี้ บริษัทฯ มีวัตถุประสงค์ในการระดมทุนเพื่อใช้ต่อยอดธุรกิจในอนาคต และมีแนวโน้มในการลงทุนธุรกิจใหม่เกี่ยวกับพลังงานทดแทน เนื่องจากให้ผลตอบแทนด้านการลงทุนที่น่าสนใจ อีกทั้งยังถือเป็นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตสูง ซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม ต้องรอให้บริษัทฯ ทำการเข้าตลาดเป็นที่เรียบร้อยก่อน"นายไรวินท์
ปัจจุบันบริษัท บูรพาเทคนิคอล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ Eastern Group เป็นหนึ่งผู้นำในธุรกิจ ด้านงานวางระบบสาธารณูปโภค งานติดตั้งเสาส่งสัญญาณ ระบบโทรคมนาคม และธุรกิจจัดการงานด้าน บุคลากร มีโครงสร้างการดำเนินธุรกิจใน 3 กลุ่มเป็นหลัก ได้แก่
1. กลุ่มระบบไฟฟ้าแรงสูง งานวางระบบไฟฟ้าให้กับภาครัฐและเอกชน ซึ่งเป็นการเข้าไปประมูลงานโครงการต่างๆ แต่ละปีมีมูลค่างานรวมกว่า 3 พันล้านบาท
2. กลุ่มสื่อสาร เป็นการเข้าไปลงทุนระบบโครงสร้างโทรคมนาคมให้แก่ภาคเอกชน โดยบริษัทฯ กำลังขยายงานเพื่อรองรับงานที่จะเพิ่มเข้ามาในช่วงปลายปีนี้ จากการขยายตัวของโครงการระบบ 4G
3. กลุ่มบริการด้านการจัดการแรงงานเอาต์ซอร์สให้แก่หน่วยงานภาครัฐต่างๆ โดยมีพนักงานจำนวน 6 พันคน ซึ่งมีลูกค้าเป็นหน่วยงานรัฐรวม 40 หน่วยงาน ซึ่งในแวดวงธุรกิจด้านบริการจัดหาแรงงาน บริษัทฯ ถือได้ว่าเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ติดอันดับต้นๆ ของประเทศ และเร็วๆ นี้กำลังจะเข้าประกวดราคาในกลุ่มงานเอาต์ซอร์ส อีกประมาณ 3 พันกว่าล้านบาท
นายไรวินท์กล่าวต่อว่า "ปัจจุบัน บริษัทฯ มีโครงสร้างรายได้จาก 3 กลุ่มธุรกิจในสัดส่วน 25:25:50 และมีรายได้ในปีที่ผ่านมา 1,200ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ในปี 2558 ที่1,500 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นกว่า 30% โดยรับรู้รายได้รวมสองไตรมาสแรกของปีนี้ อยู่ที่เกือบ 800 ล้านบาทแล้ว บริษัทฯ จึงมั่นใจว่าจะสามารถทำกำไรสุทธิและยอดรายได้เติบโตได้ตามเป้าที่วางไว้อย่างแน่นอน และยังทำให้รายได้ของบริษัทฯ รักษาระดับการเติบโตแบบขั้นบันไดได้อย่างต่อเนื่อง"
"สำหรับความเคลื่อนไหวล่าสุด บริษัทฯ ได้ชนะการประมูลจัดจ้างงานและได้ลงนามสัญญาการปรับปรุงสายไฟฟ้าแรงสูงใต้ดินมูลค่ากว่า 27 ล้านบาทของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ" นายไรวินท์ กล่าวทิ้งท้าย