นายวิชิต พยุหนาวีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซัมมิท แคปปิตอล ลีสซิ่ง จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมา ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงมิถุนายน บริษัทยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านยอดปล่อยสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น 56% และปริมาณสัญญาที่มากขึ้น 50% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2557 ตามการฟื้นตัวของยอดขายรถจักรยานยนต์ โดย 99% ของลูกค้าซัมมิท แคปปิตอล ซื้อรถจักรยานยนต์ขนาดปกติไม่เกิน 250 ซีซี และมียอดปล่อยสินเชื่อเฉลี่ยประมาณ 50,000 บาทต่อราย
ทั้งนี้ในช่วงครึ่งปีแรก ข้อมูลจากกรมการขนส่งทางบก ระบุว่าประเทศไทยมียอดจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ใหม่อยู่ที่ 908,100 คัน หรือ เพิ่มขึ้น 3% จาก 877,746 คันในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2557 โดยฮอนด้ายังคงเป็นแบรนด์ยอดนิยมอันดับ 1 ที่มียอดขายเพิ่มขึ้น 7% โดยเป็นที่น่าสังเกตว่ารถจักรยานยนต์นำเข้าแบรนด์ใหม่ๆ โดยเฉพาะที่มาจากจีนมีอัตราการขยายตัวรวมกันค่อนข้างสูงราว 22% และหากพิจารณาสัดส่วนตามภูมิภาค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กรุงเทพฯและปริมณฑลยังคงเป็นพื้นที่ที่มียอดจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ใหม่สูงสุด 2 อันดับแรกคือ 26% และ 24% ตามลำดับ
บริษัทฯ คาดการณ์ถึงแนวโน้มผลประกอบการปีนี้ว่า น่าจะเห็นการเติบโตเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ คือ เติบโตได้เกินกว่า 50% ของยอดสินเชื่อเมื่อปีที่แล้ว โดยมองว่าสถานการณ์เศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะปรับตัวดีขึ้น โดยมีการลงทุนภาครัฐเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภค ทำให้เชื่อว่ามีโอกาสที่ตลาดรถจักรยานยนต์ปีนี้จะขยายตัวได้ถึงระดับ 3-5% ตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อการขยายตัวของสินเชื่อ
ส่วนหนึ่งยังเป็นผลมาจากการที่อัตราดอกเบี้ยปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ต้นทุนการเงินในการปล่อยสินเชื่อลดลง และแรงหนุนสำคัญคือแผนเดินเกมธุรกิจเชิงรุกมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการขยายพื้นที่ให้บริการตามภูมิภาคต่างๆ ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนภูมิภาคที่มีความต้องการซื้อรถจักรยานยนต์สูง โดยในช่วงครึ่งปีแรกนี้ ทางบริษัทมีสัดส่วนการให้สินเชื่อในภาคอีสาน รวม 19% ของการให้บริการสินเชื่อทั้งหมดในภูมิภาคต่างๆ
“การรุกตลาดของซัมมิท แคปปิตอล จะเน้นใช้พนักงานที่เป็นคนในพื้นที่ซึ่งจะมีความเข้าใจและคุ้นเคยเป็นอย่างดีกับทั้งลูกค้าและบรรดาคู่ค้าผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์มากกว่า 1,000 รายในทุกพื้นที่บริการ ช่วยให้เรานำเสนอบริการได้ตรงตามความต้องการ โดยที่ผ่านมา ทางบริษัทให้ความสำคัญมากกับการเข้าถึงและสร้างความเชื่อมั่นแก่คนกลุ่มนี้ พร้อมยังนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาปรับปรุงระบบการทำงานให้มีความรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และปลอดภัยมากยิ่งขึ้นในทุกขั้นตอนเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ตั้งแต่มาตรฐานการคัดกรองลูกค้าเพื่อควบคุมคุณภาพลูกหนี้ ลดหนี้เสีย และลดเวลาอนุมัติสินเชื่อที่ทำได้เร็วใน 30 นาทีซึ่งเป็นจุดแข็งสำคัญของบริษัท ช่วยให้สินเชื่อของซัมมิทมีการขยายตัวในทุกภูมิภาคในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา”
“ในส่วนของลูกค้าเองก็มีแนวโน้มที่เปลี่ยนไปด้วย คือ ลูกค้าของบริษัทเริ่มเป็นกลุ่มที่มีรายได้ต่อเดือนสูงขึ้น โดยปัจจุบันกว่า 91% ของลูกค้าทั้งหมดมีรายได้มากกว่า 10,000 บาท ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงขึ้นจากปีก่อนๆ ขณะเดียวกันกลุ่มอาชีพของลูกค้าก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน จากพนักงานประจำเป็นเจ้าของกิจการมากขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวทำให้คนหันมาทำธุรกิจส่วนตัวกันมากขึ้น”
ในส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ปีนี้ทางบริษัทตั้งเป้าที่จะควบคุมให้อยู่ในระดับ 2%โดยมีการคัดกรองการปล่อยสินเชื่อแก่ลูกค้าที่มีคุณภาพดี ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และระบบการตรวจสอบกลุ่มลูกค้าที่มีแนวโน้มว่าจะทุจริต และการติดตามทวงถามหนี้อย่างมีประสิทธิภาพ
และตลอดที่เหลือในปีนี้ ซัมมิท แคปปิตอล ยังวางแผนที่จะเดินหน้าขยายสาขาต่อไปอีกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและตะวันออก และในปี 2559 จะเปิดเพิ่มเติมในภาคใต้และภาคเหนือ จนคาดว่าจะมีสาขาบริการครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศในปี 2560 นอกจากนี้ยังมีกำหนดเปิด Credit Centre ศูนย์บริการสินเชื่อครบวงจรอย่างเป็นทางการในเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการให้สินเชื่อที่มีคุณภาพ และประสิทธิภาพสูงแบบครบวงจรทุกด้านอีกด้วย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งตามแผนยุทธศาสตร์เชิงรุกเพื่อมุ่งเป้าสู่การเป็นผู้นำธุรกิจที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งในประเทศภายในเวลา 5 ปี