นายวรภัค ธันยาวงษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ผลประกอบการในไตรมาสที่ 2/2558 เปรียบเทียบกับไตรมาส 2/2557 ว่า ธนาคารมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนกันสำรองและภาษีเงินได้จำนวน 17,458 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.37 และมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร จำนวน 8,449 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.88 โดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเท่ากับ 20,895 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.49 จากไตรมาสเดียว กันของปีก่อน จากการขยายตัวของสินเชื่อ ส่วนรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยสุทธิเท่ากับ 8,729 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.36 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับงวดครึ่งปีแรก ธนาคารมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร จำนวน 16,378 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.90 จากระยะเดียวกันของปีก่อน ซึ่งธุรกิจหลักของธนาคารเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ธนาคารได้กันสำรองเพิ่มเติมจำนวน 3,600 ล้านบาท จากการกันสำรองตามปกติไตรมาสละ 2,100 ล้านบาท ทำให้งวดครึ่งปีแรก ธนาคารตั้งสำรองรวมจำนวน 11,240 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.06 ซึ่งเป็นแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง เพื่อรองรับความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจทั้งในและนอกประเทศ
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2558 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 1,980,255 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2557 จำนวน 27,259 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1.40 มียอดเงินฝากจำนวน 2,083,917 ล้านบาท ลดลง 67,351 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3.13 จากสิ้นปี 2557 โดยลดลงจากการครบกำหนดของเงินฝากประจำเป็นหลัก ธนาคารมีสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPLs) จำนวน 67,551 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10,062 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.50 จากสิ้นปี 2557 ซึ่งส่วนใหญ่มาจากลูกค้าSME ขนาดเล็ก และลูกค้ารายย่อย ซึ่งค่อนข้างอ่อนไหวต่อปัจจัยทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกสินเชื่อด้อยคุณภาพมีจำนวนลดลง 506 ล้านบาท เนื่องจากมีการปรับปรุงกระบวนการภายในธนาคาร โดยเน้นเรื่อง การติดตามหนี้อย่างใกล้ชิด ส่งผลให้คุณภาพสินทรัพย์ของลูกค้ารายย่อยปรับตัวดีขึ้น
ธนาคารมีเงินกองทุนเท่ากับ 276,588 ล้านบาท หรือร้อยละ 14.41 ของสินทรัพย์ถ่วงน้ำหนักตามความเสี่ยง โดยเป็นกองทุนชั้นที่ 1 เท่ากับ 211,644 ล้านบาท ทั้งนี้ ในเดือนกรกฎาคม 2558 ธนาคารประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิตามเกณฑ์ Basel III สกุลเงินริงกิตมาเลเซีย จำนวน 1,000 ล้านริงกิตมาเลเซีย ให้กับนักลงทุนสถาบันในประเทศมาเลเซียที่มีขนาดของการเสนอขายใหญ่ที่สุด