พพ. ยืนยัน “อำพลฟูดส์” ใช้พลังงานก๊าซชีวภาพและชีวมวลผลิตไฟฟ้า ลดต้นทุนได้จริง ประหยัด 5 ล้านบาทต่อปี

อังคาร ๐๔ สิงหาคม ๒๐๑๕ ๑๔:๕๗
นายธรรมยศ ศรีช่วย อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ภาคอุตสาหกรรมนับเป็นภาคส่วนที่มีการใช้พลังงานสูงสุดของประเทศ จึงมีความจำเป็นต้องเร่งปรับตัวเพื่อ หาเชื้อเพลิงจากพลังงานทดแทนมาใช้เพื่อลดต้นทุนทางการผลิต ซึ่งเชื้อเพลิงก๊าซชีวภาพและก๊าซชีวมวลก็เป็นพลังงานทางเลือกหนึ่งที่ พพ. ส่งเสริมและสนับสนุน โดยในแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก ได้ตั้งเป้าหมายเดินหน้าเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนให้ได้ 25% ภายในปี 2564 โดยภาพรวมของการพัฒนาพลังงานทดแทนของประเทศในปี 2558 มีการใช้พลังงานทดแทนสูงถึงร้อยละ 12 ของการใช้พลังงานขั้นสุดท้ายหรือมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา (ม.ค.-เม.ย. 58) แล้วทั้งสิ้น 4,558 เมกะวัตต์ ทั้งนี้ ภาพรวมพลังงานทดแทนของประเทศไทย ปัจจุบันมีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แล้วประมาณ 1,303 เมกะวัตต์ พลังงานลม ประมาณ 225 เมกะวัตต์ พลังงานจากชีวมวลประมาณ 2,487 เมกะวัตต์ ก๊าซชีวภาพประมาณ 327 เมกะวัตต์ พลังน้ำขนาดเล็ก/ชุมชน ประมาณ 142 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ยังมีพลังงานทดแทนจากขยะที่รัฐบาลให้การสนับสนุนและส่งเสริม ปัจจุบันพบว่ามีความก้าวหน้าอย่างยิ่ง โดยมีการผลิตไฟฟ้าจากขยะแล้วประมาณ 75 เมกะวัตต์

สำหรับ บริษัท อำพลฟูดส์ โพรเซสซิ่ง จำกัด ซึ่งมีการใช้พลังงานชีวมวลและก๊าซชีวภาพในการผลิตไฟฟ้านั้น นับเป็นหนึ่งในองค์กรตัวอย่างที่มีการจัดการด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถคว้ารางวัลดีเด่นการประกวด Thailand Energy Awards 2015 ด้านพลังงานทดแทน ประเภทโครงการพลังงานหมุนเวียนที่ไม่เชื่อมโยงกับระบบสายส่งไฟฟ้า (Off-Grid) และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 การประกวด ASEAN Energy Awards 2015 ซึ่งถือเป็นตัวอย่างของภาคเอกชนในการลดต้นทุนด้านพลังงานด้วยการหันมาใช้พลังงานทดแทน

ด้าน ดร.เกรียงศักดิ์ เทพผดุงพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท อำพลฟูดส์ โพรเซสซิ่ง จำกัด กล่าวว่า จากความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทฯ ตระหนักถึงความสำคัญของการใช้พลังงาน และการพัฒนาพลังงานทดแทนหรือพลังงานทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น จากการที่ บริษัทฯ ประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรเป็นผลิตภัณฑ์อาหารรูปแบบต่างๆ โดยใช้มะพร้าวเป็นวัตถุดิบหลักประมาณ 40,000 ตัน/ปี ส่งผลให้มีของเหลือทิ้งที่เกิดจากกระบวนการผลิตเป็นจำนวนมาก เช่น กะลา ใย ผิวทิว ฯลฯ รวมถึงน้ำเสียที่เกิดจากกระบวนการผลิตที่บริษัทต้องกำจัด ซึ่งการนำของเสียและของเหลือทิ้งจากกระบวนการผลิตกลับมาใช้ประโยชน์ นอกจากจะช่วยลดค่าใช้จ่ายแล้ว ยังช่วยสร้างรายได้เข้าบริษัทอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ จึงเกิดแนวคิดในการนำของเหลือทิ้งและของเสียดังกล่าวมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดหรือสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยการนำมาผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้ทดแทนการใช้ไฟฟ้าภายในบริษัทฯ ตามนโยบาย "ลดขยะให้เป็นศูนย์ (Zero waste)"

โครงการระบบผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพและก๊าซชีวมวล เป็นการนำของเสียและของเหลือทิ้งจากกระบวนการผลิตของบริษัทฯ มาผลิตไฟฟ้า โดยจัดทำระบบผลิตไฟฟ้า 2 ระบบ คือ

(1) ระบบผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ ใช้ก๊าซชีวภาพที่ได้จากระบบบำบัดน้ำเสียแบบ Modify Cover Lagoon ซึ่งรองรับปริมาณน้ำเสียได้วันละ 2,000 ลูกบาศก์เมตร มาผลิตไฟฟ้าด้วยเครื่องยนต์ก๊าซ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 600 kW ส่วนความร้อนเหลือทิ้งนำไปใช้กับ absorption chiller

(2) ระบบผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวมวลด้วยเทคโนโลยีแก๊สซิฟิเคชั่น ชนิด Open Top Downdraft Gasification มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อแก้ไขปัญหาการจัดการขยะกะลามะพร้าวที่เหลือทิ้งปริมาณมาก โดยนำกะลามะพร้าวและใยมะพร้าวมาผลิตก๊าซเชื้อเพลิงสังเคราะห์หรือก๊าซชีวมวล (Synthetic Gas หรือ Producer Gas) แล้วนำไปผลิตไฟฟ้าด้วยเครื่องยนต์ก๊าซ (Gas Engine) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 250 kW ระบบนี้มี By-Product เป็นขี้เถ้ากะลามะพร้าวซึ่งมีคุณสมบัติเป็นถ่านกัมมันต์ (activated carbon) ที่ราคาต่ำกว่าท้องตลาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Eco Friendly) จึงสามารถขาย สร้างรายได้เสริมให้แก่บริษัทฯ ได้อีกด้วย (เดิมขายกะลามะพร้าว 1 บาท/กิโลกรัม ถ่านกัมมันต์มีมูลค่า 10 บาท/กิโลกรัม) ปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างวิจัยพัฒนาเพื่อเพิ่มคุณภาพถ่านกัมมันต์ให้สูงขึ้นเพื่อเพิ่มมูลค่าขึ้นอีก

ไฟฟ้าที่ผลิตได้จากทั้ง 2 ระบบ สามารถใช้ทดแทนไฟฟ้าที่ใช้ภายในบริษัทฯ ได้ประมาณ 10% ของปริมาณไฟฟ้า ที่ใช้ทั้งหมด ระบบผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพสามารถผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 1,333 MWh ต่อปี คิดเป็นผลประหยัดประมาณ 5 ล้านบาทต่อปี มูลค่าการลงทุนรวม 40.5 ล้านบาท (ได้รับเงินสนับสนุนจากภาครัฐ 6 ล้านบาท) IRR 5.01% ระยะเวลาคืนทุน 6 ปี ส่วนระบบผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวมวล ผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 48 MWh ต่อปี คิดเป็นผลประหยัดประมาณ 177,000 บาทต่อปี และยังมีผลพลอยได้เป็นถ่านกัมมันต์ 200 กิโลกรัมต่อวัน มูลค่าการลงทุนรวม 9.5 ล้านบาท (ได้รับเงินสนับสนุน จากภาครัฐ 592,220 บาท) IRR 9.74% ระยะเวลาคืนทุน 8 ปี ทั้ง 2 ระบบสามารถผลิตไฟฟ้าเทียบเท่าการลดการปล่อย ก๊าซเรือนกระจก 740 ตันคาร์บอนไดออกไซต์เทียบเท่า/ปี

"โครงการระบบผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพและก๊าซชีวมวลของ บริษัทฯ สามารถนำไปประยุกต์ใช้สำหรับโรงงาน/ชุมชนที่มีศักยภาพวัตถุดิบเพียงพอ อาทิ โรงงาน/ชุมชนที่มีเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น เศษไม้ ทางและทะลายปาล์ม แกลบ กะลามะพร้าว ซังข้าวโพด เหง้ามันสำปะหลัง ฯลฯ โรงงานที่มีน้ำเสียจากกระบวนการผลิตที่สามารถนำมาผลิต ก๊าซชีวภาพได้ ชุมชนที่มีเศษอาหารหรือขยะเหลือทิ้งที่สามารถนำมาผลิตก๊าซชีวภาพ เพื่อช่วยลดผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม" ดร.เกรียงศักดิ์ กล่าว

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version