สำหรับการซื้อขายหุ้นในครั้งนี้ส่งผลให้ "กลุ่มคิง พาวเวอร์" กลายเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ถือหุ้นอาร์เอส ขณะที่ "ตระกูลเชษฐโชติศักดิ์" ยังคงเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่เช่นเดิม โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารงานของบริษัทฯ แต่อย่างใด เนื่องด้วยทาง "กลุ่มคิง พาวเวอร์" มีนโยบายเข้ามาลงทุนในฐานะผู้ลงทุนประเภทรอรับผลตอบแทน (Passive Investor) เท่านั้น เพราะต้องการลงทุนผ่านการจัดการจากทีมงานมืออาชีพ
ส่วนสาเหตุที่ "กลุ่มคิง พาวเวอร์" ตัดสินใจลงทุนในหุ้นอาร์เอส เนื่องจากเล็งเห็นถึงศักยภาพในการต่อยอดความสำเร็จจาก "ธุรกิจสื่อ" ไปสู่ธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้องในอนาคต ซึ่งที่ผ่านมา "กลุ่มคิง พาวเวอร์" เป็นพันธมิตรที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับ "อาร์เอส" และ "กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่" อยู่แล้ว ดังนั้น เมื่อสนใจลงทุนในหุ้นกลุ่มสื่อจึงนึกถึง "อาร์เอส" เป็นอันดับแรก เพราะเล็งเห็นศักยภาพของบริษัทฯ ซึ่งเป็นเจ้าของ "ช่อง 8 ดิจิตอลทีวี" ที่ทำกำไรตั้งแต่ปีแรก ขณะที่ด้านเรตติ้งเติบโตรวดเร็วติดอันดับ 4 ของประเทศ รวมทั้งยังเป็นเจ้าของ "ช่องดาวเทียม" ที่ประสบความสำเร็จอีกถึง 4 ช่อง ได้แก่ ช่อง 2, สบายดีทีวี, ยู แชนแนล และเพลินทีวี อีกทั้ง "อาร์เอส" จัดเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง มีผลการดำเนินงานเติบโตก้าวกระโดด มีจ่ายปันผลต่อเนื่อง และมีสุขภาพทางการเงินแข็งแรงด้วย