ยอดจำหน่ายโดยรวมของไตรมาสที่สองลดลง 7.6 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว อยู่ที่ 1.26 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 4.41 แสนล้านบาท) แม้ว่ารายได้ยังคงอยู่ในระดับเดียวกับไตรมาสแรก แต่กำไรจากการดำเนินงานได้ลดลงเล็กน้อย โดยอยู่ที่ 222.52 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 7.78 พันล้านบาท)
และแม้ว่าไตรมาสที่สองจะมีความท้าทายกว่าที่คาดไว้ แอลจียังคงมีความมั่นใจว่าบริษัทจะสามารถเพิ่มรายได้สำหรับไตรมาสที่สามได้มากขึ้นจากผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่สามารถแข่งขันในตลาดได้ รวมถึงแผนการตลาดที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
กลุ่มผลิตภัณฑ์โฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์มีรายได้สำหรับไตรมาสที่สอง อยู่ที่ 3.59 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1.25 แสนล้านบาท) เนื่องจากความต้องการแอลซีดี ทีวี ทั่วโลกลดลง โดยเฉพาะในเครือรัฐเอกราช (CIS) ทวีปลาตินอเมริกา และยุโรป กำไรจากการดำเนินงานในไตรมาสที่สอง ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า ส่วนใหญ่เป็นผลมาจาก
ความต้องการที่ลดลงทั่วโลก รวมถึงอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราที่ไม่ดีนัก บริษัทคาดว่าภาพรวมของตลาดจะปรับตัวดีขึ้นในไตรมาสถัดไป โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ 4K Ultra HD พร้อมกับการขยายผลิตภัณฑ์ OLED ด้วยดีไซน์ใหม่ๆ และราคาที่น่าดึงดูดใจมากยิ่งขึ้น
กลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือรายงานยอดขายประจำไตรมาสที่สอง อยู่ที่ 3.33 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.16 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้น 1 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว ในขณะที่ยอดการส่งออกสมาร์ทโฟนทั่วโลกมีจำนวน 14.1 ล้านเครื่อง ลดลง 3 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้วยอดขายโทรศัพท์มือถือ
ในทวีปอเมริกาเหนือเพิ่มขึ้น 36 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบปีต่อปี เนื่องมาจากยอดขายที่ดีขึ้นของสมาร์ทโฟนระดับกลางและแท็บเล็ต แม้ว่าผลกำไรโดยรวมจะได้รับผลกระทบจากความต้องการที่ลดลงในตลาดพรีเมี่ยมของประเทศเกาหลี แต่แอลจีสามารถขายสมาร์ทโฟน LTE ได้มากกว่า 8.1 ล้านเครื่องทั่วโลกในไตรมาสที่สอง สูงสุดเป็นประวัติการณ์
สำหรับไตรมาสที่สาม และไตรมาสต่อๆ ไป แอลจียังคงมุ่งมั่นในการดำเนินกลยุทธ์ทั้งในตลาดพรีเมี่ยม และสมาร์ทโฟนระดับกลาง โดยมีเป้าหมายอยู่ที่กลุ่มตลาดซึ่งกำลังเกิดใหม่ กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและเครื่องปรับอากาศรายงานยอดขายที่ 4.09 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.43 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์
จากไตรมาสที่ผ่านมา ส่วนกำไรจากการดำเนินงานของไตรมาสที่สองอยู่ที่ 266 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 9.31 พันล้านบาท) โดยเพิ่มขึ้น 6 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบปีต่อปี เป็นผลมาจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้นและการปรับปรุงโครงสร้างต้นทุน ทั้งนี้ ด้วยสภาวะทางเศรษฐกิจมหภาคซึ่งคาดว่าจะยังคงไม่ดีขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ แอลจีจึงจะมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มผลกำไรในภาพใหญ่ โดยเตรียมแนะนำเครื่องปรับอากาศรุ่นใหม่และผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านสู่ตลาดทวีปอเมริกาเหนือ รวมถึงในตลาดประเทศต่างๆ ที่พัฒนาแล้ว
กลุ่มผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนยานยนต์ เผยรายได้ประจำไตรมาสที่สองที่ 410.94 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.43 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้น 18 เปอร์เซ็นต์ จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลจากธุรกิจกลุ่มอินโฟเทนเมนต์ภายในรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ แม้ว่าบริษัทจะมีผลประกอบการขาดทุนอยู่ที่ 1.37 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 47.95 ล้านบาท)
แอลจียังคงเดินหน้าการลงทุนในการวิจัยและพัฒนา เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งในเทคโนโลยีด้านยนตรกรรมใหม่ๆ ซึ่งเป็นไปตามการเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
ข้อมูลเกี่ยวกับอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในไตรมาสที่สองของปี 2558
รายได้ที่ยังไม่ได้รับการตรวจสอบด้านบัญชีประจำไตรมาสของแอลจี อีเลคทรอนิคส์เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ IFRS(International Financial Reporting Standards) สำหรับช่วงเวลาสามเดือน สิ้นสุดที่ 30 มิถุนายน 2558 ทั้งนี้ อัตราแลกเปลี่ยนของเงินวอนต่อดอลลาร์สหรัฐจะเท่ากับอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยของสามเดือนในไตรมาสเดียวกัน
โดยอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับไตรมาสที่สองปี 2558 อยู่ที่ 1,097 วอน ต่อ 1 เหรียญสหรัฐฯ