สศอ. เตรียมผลักดันยุทธศาสตร์ภาพรวมพร้อมรายสาขา วางแผนพัฒนาอุตสาหกรรมไทยในอีก 6 ปีข้างหน้า

พุธ ๐๕ สิงหาคม ๒๐๑๕ ๑๑:๒๐
สศอ. เตรียมเสนอยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมไทยปี 2559-2564 ต่อคณะกรรมการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งชาติ (กอช.) พิจารณา เพื่อกำหนดทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมในอนาคต สอดคล้องแนวโน้มการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมและศักยภาพของประเทศในระยะยาว

นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า สศอ. อยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมไทย พ.ศ. 2559-2564 ทั้งในระดับมหภาคและรายสาขา เสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งชาติ (กอช.) เพื่อนำมาใช้เป็นกรอบแนวทางในการขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมให้มีความทันสมัย สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและทิศทางอุตสาหกรรมในอนาคต พร้อมทั้งผลักดันการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ที่ได้รับความเห็นชอบแล้วสู่การปฏิบัติต่อไป

ด้วยเนื่องจากที่ผ่านมาแม้ว่าภาคอุตสาหกรรมไทยจะมีการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังมีปัญหาในเชิงโครงสร้างที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนา โดยปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จในการพัฒนาอุตสาหกรรมหลายด้านยังอยู่ในระดับต่ำ อาทิ การลงทุนเพื่อการวิจัยและพัฒนา ผลิตภาพและประสิทธิภาพของภาคธุรกิจ ศักยภาพด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สะท้อนให้เห็นว่า ภาคอุตสาหกรรมไทยยังมีภูมิคุ้มกันไม่ดีพอ นอกจากนี้สภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกประเทศที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ทำให้เงื่อนไขและปัจจัยต่างๆ ที่เคยเกื้อกูลและสร้างความสามารถในการแข่งขันโดยเปรียบเทียบที่ประเทศเคยมีได้เปลี่ยนไป เช่น ปัจจัยแรงงานที่เคยเป็นข้อได้เปรียบของไทยเริ่มมีข้อจำกัดจากแนวโน้มการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและต้นทุนค่าแรงขั้นต่ำที่สูงขึ้น ส่งผลให้สินค้าบางรายการเริ่มประสบปัญหาการแข่งขันและสูญเสียตลาดบางส่วน

การพัฒนาภาคอุตสาหกรรมไทยในระยะ 6 ปีต่อจากนี้ ตั้งแต่ ปี 2559-2564 จึงเป็นช่วงเวลาที่จะต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญทั้งในระดับโลกและระดับประเทศที่ส่งผลต่อการพัฒนา ทั้งในแง่ของโอกาสที่จะสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ และภัยคุกคามที่อาจส่งผลกระทบในเชิงลบ ขณะเดียวกันก็ต้องคำนึงถึงจุดแข็งที่จะใช้ผลักดันการพัฒนาให้ก้าวหน้า ควบคู่กับการแก้ไขจุดอ่อนที่มีอยู่ไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินงาน ดังนั้นในการกำหนดทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมต่อไปในอนาคต จึงต้องมุ่งเน้นที่จะสนับสนุนการเติบโตของภาคอุตสาหกรรม ที่สอดคล้องกับศักยภาพของประเทศ และแนวโน้มอุตสาหกรรมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยมี แนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมในอนาคตใน 5 กลุ่มอุตสาหกรรมสำคัญ ดังนี้

1) กลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป ที่ต้องเน้นการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าและเชื่อมโยงกับภาคบริการ เช่น อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับสุขภาพ

2) กลุ่มอุตสาหกรรมที่ตอบสนองกระแสโลก อาทิ กลุ่มพลังงานทดแทน (แสงอาทิตย์ ลม ชีวมวล ) กลุ่มวัสดุสีเขียว (วัสดุเพื่อสิ่งแวดล้อม พลาสติกชีวภาพ สิ่งทอสีเขียว วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม) กลุ่มสุขภาพและอุปกรณ์การแพทย์ รวมถึงผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร สมุนไพร จะมุ่งเน้นการปรับปรุงกฎระเบียบภาครัฐเพื่อกระตุ้นให้เกิดอุปสงค์ ควบคู่กับการพัฒนาปัจจัยสิ่งแวดล้อมด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม ตลอดจนการวิจัยพัฒนา

3) กลุ่มอุตสาหกรรมรองรับดิจิทัลอิโคโนมี อาทิ กลุ่มหลอมรวมเทคโนโลยี หุ่นยนต์อัจฉริยะ นาโนอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มยานพาหนะ ได้แก่ ยานยนต์สะอาด ระบบราง อากาศยาน ซึ่งกลุ่มนี้จะต้องการพัฒนาปัจจัยแวดล้อมด้าน R&D ศูนย์ทดสอบ ศูนย์บ่มเพาะต่างๆ รองรับ

4) กลุ่มอุตสาหกรรมฐานความรู้และความคิดสร้างสรรค์ เช่น อุตสาหกรรมแฟชั่น มัลติมีเดีย ฯลฯ ซึ่งต้องมุ่งเน้นการพัฒนาศูนย์ออกแบบ สร้างนักออกแบบ สร้างภาพลักษณ์และตราสินค้าให้เกิดขึ้น

5) กลุ่มอุตสาหกรรมเชื่อมโยงเครือข่ายภูมิภาค ที่ใช้ประโยชน์ด้านวัตถุดิบและปัจจัยการผลิตจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เหล็ก ปิโตรเคมี อุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้น อุตสาหกรรมที่ใช้วัตถุดิบทางการเกษตรจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยทิศทางการพัฒนาจะมุ่งเน้นการให้สิทธิประโยชน์เพื่อจูงใจให้เกิดการลงทุน และการพัฒนาเชื่อมโยงระบบฐานข้อมูลสารสนเทศ

จากทิศทางเชิงยุทธศาสตร์ในการพัฒนากลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายข้างต้น นำมาสู่ยุทธศาสต์การพัฒนาอุตสาหกรรมไทย พ.ศ. 2559-2564 ใน 3 ประเด็นหลักคือ การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรม การพัฒนาปัจจัยแวดล้อมที่เอื้ออำนวย และการเชื่อมโยงเครือข่ายการผลิตหรือห่วงโซ่อุปทานระดับภูมิภาค ซึ่งภายใต้ยุทธศาสตร์จะมีการกำหนดกลยุทธ์ แนวทางการดำเนินงาน รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยจะมีการผลักดันยุทธศาสตร์ดังกล่าวผ่านกลไก กอช. ซึ่งจะมีการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 6 สิงหาคมนี้ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นกรอบแนวทางในการผลักดันแผนสู่การปฏิบัติเพื่อมุ่งสู่จดมุ่งหมายเดียวกัน คือ การพัฒนาที่สมดุลยั่งยืน และมีส่วนร่วม กล่าวคือ ภาคอุตสาหกรรมไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก มีการเติบโตอย่างยั่งยืน และมีการกระจายผลประโยชน์จากการเติบโตอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๕ เม.ย. Electronic Nose นวัตกรรมตรวจวัดกลิ่น! เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดี กรมอนามัย ร่วม MOU กรมควบคุมมลพิษ และ 4 หน่วยงานรัฐ - เอกชน
๒๕ เม.ย. ITEL ประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 68 ไฟเขียวอนุมัติแจกวอร์แรนต์ฟรี ลุยขยายธุรกิจ
๒๕ เม.ย. สวทช. โดย นาโนเทค เฟ้นหา 8 ผู้ประกอบการ ต่อยอดนวัตกรรมสมุนไพรสู่ผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง
๒๕ เม.ย. คาเฟ่ แคนทารี ชวนมาลิ้มลองเมนูพิเศษประจำเดือนพฤษภาคม - มิถุนายน 2568 อร่อยครบเครื่องทั้งรีซอตโตต้มยำ เครป
๒๕ เม.ย. ซีพี ออลล์ x มูลนิธิชาวปักษ์ใต้ ร่วมสนับสนุนทุนการศึกษาเพื่ออาชีพแก่เยาวชนในจังหวัดภาคใต้
๒๕ เม.ย. ซีพีแรม ดีเดย์ เปิดเวที FINNOVA 2025 : ยกระดับความรู้สู่นวัตกรรมอาหาร ปักหมุดไทยศูนย์กลางนวัตกรรมอาหารโลก
๒๕ เม.ย. ดีไซน์เพื่อชีวิตที่ไม่หยุดนิ่ง: อาดิดาส ออริจินอลส์ เผยโฉม ADIZERO ARUKU พร้อมพื้นรองเท้าแบบโปรเกรสซีฟ
๒๕ เม.ย. พรีโม จับมือ Q-CHANG จัดทัพทีมช่างกว่า 2,000 ทีม! ยกระดับบริการซ่อมห้องชุด ตอกย้ำแนวคิด Primo Happy Maker
๒๕ เม.ย. ครั้งแรก กับ Dance (แดนซ์) Glossy Body Hair Perfume Mist น้ำหอม 2-in-1 พร้อมเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ เก๋ไก๋ บุกใจกลางกรุง ชวนสาวๆ
๒๕ เม.ย. SCB CIO ชี้ 3 ปัจจัยกระทบตลาดการเงินฉุดสินทรัพย์ทั่วโลกผันผวน แนะระวังการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เพิ่มน้ำหนักหุ้นกู้ระยะสั้นคุณภาพดี และ