คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล โดยภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม จัดโครงการ “รณรงค์เผยแพร่ความรู้ด้านวัคซีนให้กับผู้สูงอายุ เนื่องในโอกาสวันแม่แห่งชาติ” เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ในโอกาสวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2558 และเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับ 3 โรคติดเชื้อยอดฮิตในผู้สูงอายุ ได้แก่ โรคไข้หวัดใหญ่ โรคปอดบวม และโรคงูสวัด พร้อมกระตุ้นให้ลูกกตัญญูแสดงความห่วงใยและป้องกันโรคติดเชื้อของบุพการี ด้วยการพาคุณแม่ไปฉีดวัคซีนเป็นของขวัญวันแม่
ศาสตราจารย์ นายแพทย์ประเสริฐ อัสสันตชัย หัวหน้าภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม และหัวหน้าสาขาวิชาเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า “ปัจจุบันโรคติดเชื้อในผู้สูงอายุถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะเป็นสาเหตุของการเจ็บป่วยเฉียบพลัน เกิดภาวะพึ่งพา การสูญเสียคุณภาพชีวิตที่ดี ตลอดจนการเสียชีวิตได้บ่อยในผู้สูงอายุ โดย 3 โรคติดเชื้อที่อันตรายในผู้สูงอายุ ได้แก่ ไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม และโรคงูสวัด ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหาดังกล่าว และตระหนักถึงความสำคัญของการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับโรคติดเชื้อในผู้สูงอายุให้แก่ประชาชนทั่วไป เพื่อนำไปสู่การดูแลและป้องกันโรคติดเชื้อในผู้สูงอายุอย่างถูกต้อง พร้อมกระตุ้นให้ประชาชนพาบุพการี คนในครอบครัว หรือคนใกล้ชิดผู้สูงอายุ ได้รับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อมากขึ้น ภายใต้โครงการ ‘รณรงค์เผยแพร่ความรู้ด้านวัคซีนให้กับผู้สูงอายุ เนื่องในโอกาสวันแม่แห่งชาติ’”
ศ.นพ. ประเสริฐ อธิบายเกี่ยวกับสามโรคติดเชื้ออันตรายในผู้สูงอายุว่า “โรคงูสวัด เป็นหนึ่งในสามโรคติดเชื้อที่สำคัญ อุบัติการณ์ตลอดช่วงชีวิต (lifetime incidence) ของการเกิดโรคงูสวัดประมาณร้อยละ 20 – 30 ในประชากรทั่วไป แต่จะเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 50 ในผู้ที่มีอายุถึง 85 ปี โรคงูสวัดทำให้มีการอักเสบของเส้นประสาท ทำให้มีอาการปวดแสบร้อน และมีผื่นขึ้นตามแนวเส้นประสาท ซึ่งจะสามารถหายเองได้ภายใน 2 สัปดาห์ แต่หากเป็นผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง การแพร่กระจายและความรุนแรงของโรคจะมีมากขึ้น และอาจพบภาวะแทรกซ้อนที่เรียกว่า อาการปวดตามแนวเส้นประสาทเรื้อรัง หรือ Post Herpetic Neuralgia ซึ่งอาจจะปวดได้อีกหลายเดือนถึงเป็นปี ผู้ป่วยจะมีอาการปวดอย่างมากแม้การสัมผัสเบาๆ บริเวณที่เคยเป็นโรคงูสวัด ทำให้ผู้สูงอายุถึงกับสูญเสียความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวัน ในผู้ป่วยบางราย หากงูสวัดขึ้นที่ใบหน้าอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมา ได้แก่ การติดเชื้อแบคทีเรียที่ตา ทำให้ตาอักเสบ เป็นแผลที่กระจกตา และอาจส่งผลให้ตาบอดได้ หรือภาวะแทรกซ้อนทางหู ทำให้หูหนวกได้ หรือในบางรายอาจพบภาวะปอดอักเสบ หรือเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตได้ จากการศึกษาการใช้วัคซีนป้องกันโรคงูสวัด พบว่าสามารถลดอุบัติการณ์ของโรคงูสวัดได้ร้อยละ 51.3 โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่อายุระหว่าง 60 – 70 ปี และยังช่วยลดอุบัติการณ์ของอาการปวดตามแนวเส้นประสาทเรื้อรัง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่อายุมากกว่า 70 ปีขึ้นไป และยังสามารถให้วัคซีนป้องกันโรคงูสวัดร่วมกับวัคซีนอื่นๆ ได้ในเวลาเดียวกัน โดยฉีดวัคซีนคนละข้างของต้นแขน แม้จะเคยเป็นงูสวัดแล้ว”
“ส่วนโรคปอดอักเสบ (pneumonia) เป็นสาเหตุการเสียชีวิตเนื่องจากการติดเชื้อที่พบบ่อยที่สุดในผู้ที่อายุมากกว่า60 ปี และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตเป็นอันดับ 4 ในผู้ที่มีอายุ 80 ปีขึ้นไป เนื่องจากความเปลี่ยนแปลงจากความชรา และระบบทางเดินหายใจ รวมทั้งการมีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจวายเรื้อรัง หรือโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ซึ่งมีผลทำให้เกิดโรคปอดอักเสบได้ง่ายและหายช้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดการติดเชื้อไวรัสในทางเดินหายใจส่วนบนนำมาก่อน กลไกการเกิดโรคปอดอักเสบมักเกิดจากโรคติดเชื้อที่สำคัญ ได้แก่ การติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ (Influenza) มาก่อน หรือการติดเชื้อสเตรปโตคอคคัส นิวโมเนียอี (Streptococcus pneumoniae) บางรายอาจเกิดการติดเชื้ออย่างรุนแรง เช่น ภาวะติดเชื้อในกระแสโลหิต เยื่อหุ้มสมองอักเสบในผู้สูงอายุ ทำให้ผู้ป่วยต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและอาจเสียชีวิตได้ ดังนั้น การป้องกันจะช่วยลดอัตราการตาย และการสูญเสียทางเศรษฐกิจได้ จากการศึกษาในผู้สูงอายุพบว่าการให้วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ร่วมกับวัคซีนนิวโมคอคคัส มีประสิทธิผลในการลดการเกิดปอดอักเสบและการติดเชื้อรุนแรง ลดอัตราการรับผู้ป่วยเข้าไว้ในโรงพยาบาล ตลอดจนลดอัตราการตายได้”
“การป้องกันโรคก่อนที่จะเป็นโรคย่อมดีกว่าการปล่อยให้เป็นแล้วรักษา โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่หากเกิดโรคติดเชื้อมักจะมีอาการรุนแรง และอันตรายถึงชีวิต ปัจจุบันความก้าวหน้าของการผลิตวัคซีนมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้มีการปรับปรุงคำแนะนำการฉีดวัคซีนสำหรับผู้สูงอายุ อย่างไรก็ตาม การฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อในผู้สูงอายุอาจมีผลข้างเคียง และมีข้อยกเว้นในผู้ป่วยบางราย ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับวัคซีนทุกครั้ง” ศ.นพ. ประเสริฐ กล่าวสรุป
ด้านลูกกตัญญู คุณหลุยส์ สก็อตต์ ที่พาคุณแม่ศิวพร ลิขิตธรรมรักษ์ มาร่วมงาน เปิดเผยว่า “ปกติ เราก็ดูแลสุขภาพคุณแม่ในเรื่องทั่วๆ ไปให้ดีก่อนครับ อย่างการรับประทานอาหาร เราก็ต้องให้คุณแม่ได้รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ ให้ท่านได้ออกกำลังกาย และพักผ่อนอย่างเพียงพอ ที่สำคัญ เรามักจะพาท่านไปตรวจร่างกายเป็นประจำทุกปี เพราะเรารู้ว่าท่านอายุมากขึ้นภูมิคุ้มกันก็ลดต่ำลง จึงควรดูแลสุขภาพท่านเป็นพิเศษ โดยเฉพาะโรคติดเชื้อ เพราะหากผู้สูงอายุเป็นก็ดูจะรุนแรงและอันตรายมากเลยครับ ซึ่งหากโรคไหนมีวัคซีนป้องกัน ผมว่าน่าจะพาท่านไปฉีดนะครับ ช่วยลดความเสี่ยงและความรุนแรงของโรคได้มากเลยครับ และเนื่องในโอกาสวันแม่แห่งชาติวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2558 วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ผมจึงจึงอยากเชิญชวนลูกกตัญญูทุกท่านที่ต้องการแสดงความรัก ความห่วงใยต่อบุพการี พาคุณแม่ผู้สูงอายุไปรับวัคซีนกัน เพราะไม่มีของขวัญล้ำค่าชิ้นไหนดีเท่าการดูแลสุขภาพของท่านอีกแล้วครับ”
โครงการ “รณรงค์เผยแพร่ความรู้ด้านวัคซีนให้กับผู้สูงอายุ เนื่องในโอกาสวันแม่แห่งชาติ 2558” โดยภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม – 31 ตุลาคม 2558 โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนได้รับความรู้เกี่ยวกับโรคติดเชื้อในผู้สูงอายุที่สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน พร้อมจัดบริการพิเศษเพื่อให้ผู้สูงอายุได้เข้าถึงวัคซีนอย่างครบถ้วน โดยผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการสามารถรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคงูสวัด ในราคา 4,922 บาท **พิเศษสำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนโรคงูสวัด 350 ท่านแรก** รับฟรี!! วัคซีนไข้หวัดใหญ่ นอกจากนั้น ผู้สนใจวัคซีนป้องกันโรคปอดบวม สามารถซื้อวัคซีนได้ในราคา2,340 บาท สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คลินิกผู้สูงอายุและหน่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม ตึกผู้ป่วยนอก ชั้น 4 ห้อง 499 และห้อง 433 คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล หรือ โทร 02-419-7392 และ 02-419-7387