นางสาวประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาเอ็มเอฟซีได้ประสบความสำเร็จจากการบริหารกองทุนให้เข้าเป้าหมายเพื่อเลิกกองทุน 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล ยู เอส 7 ซีรี่ส์ 2 ที่เน้นลงทุนในหลักทรัพย์ในสหรัฐอเมริกา กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี สมาร์ท อินเวสเมนท์ ซีรี่ส์ 5 ยู 1 ที่เน้นลงทุนในหลักทรัพย์ในไทยและสหรัฐอเมริกา และกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โคเรีย สปอท ซีรี่ส์ 1 ที่เน้นลงทุนในหลักทรัพย์ในเกาหลีใต้ ทั้งนี้ เพื่อนำเสนอโอกาสใหม่ในการลงทุน เอ็มเอฟซีจึงเสนอขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี สมาร์ท อินเวสเมนท์ ซีรี่ส์ 5 ไอ 1 หรือกองทุนเปิด SI5I1 ตั้งเป้าหมายเพื่อเลิกกองทุน ไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ภายใน 5 เดือน ซึ่งมีนโยบายลงทุนในไทยและอินเดีย โดยลงทุนได้ทั้งตราสารทุน ตราสารหนี้ เงินฝาก หน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ กองทุนรวมอีทีเอฟ ตลอดจนหลักทรัพย์อื่นๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อม สำหรับการลงทุนในอินเดียทางอ้อมนั้น อาจเป็นหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายนอกประเทศอินเดีย และมีสัดส่วนลงทุนในต่างประเทศไม่เกินร้อยละ 79 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ทั้งนี้ กองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าใน SET50 Index Futures เพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุน และอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศตามความเหมาะสมและสภาวการณ์ในแต่ละขณะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
จากข้อมูลของสายบริหารกองทุนของเอ็มเอฟซี มองว่ามีปัจจัยสนับสนุนการลงทุนในไทยและอินเดียคือ การคาดว่าเศรษฐกิจในประเทศไทยสามารถฟื้นตัวได้ หลังจากการลงทุนภาครัฐที่เริ่มเห็นภาพชัดเจนมากขึ้น และถึงแม้ว่านักวิเคราะห์ยังคงมีการปรับลดประมาณการของบริษัทจดทะเบียนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ Valuation ของ SET Index ยังคงอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้คาดการณ์ว่าการ Downgrade จะยุติลงหลังมีการประกาศผลประกอบการไตรมาสสอง
ด้านภาวะเศรษฐกิจโดยรวมอินเดีย นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของอินเดียเพิ่มขึ้นอย่างมาก และมีการคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ว่าอินเดียมีแนวโน้มที่เศรษฐกิจจะเติบโตสูงสุดเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งสะท้อนจากตลาดหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมามากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากนายกรัฐมนตรี นาย Modi ที่ได้รับเลือกตั้งในปี 2556 เป็นผู้ที่มีความมุ่งมั่นและมีประสบการณ์ในการพัฒนารัฐ Gujarat จนเป็นรัฐที่มี GDP เติบโตมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ อีกทั้งไม่เคยมีประวัติเสียหายในเรื่องคอรัปชั่น ประกอบกับได้ประกาศนโยบายในการพัฒนาประเทศ ได้แก่ การเพิ่มงบประมาณโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาพลังงานถ่านหิน การขุดเจาะเหล็กและเหมืองแร่ การปรับลดภาษีของบริษัทและเพิ่มประสิทธิภาพของรัฐวิสาหกิจ เป็นต้น รวมทั้งยังได้รับประโยชน์จากการที่ราคาน้ำมันลดลงมาอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากเป็นประเทศที่มีการนำเข้าน้ำมันเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ส่งผลดีต่อนโยบายการเงิน เพราะทำให้ธนาคารกลางสามารถดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายได้มากขึ้นจากอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงมามาก
นอกจากนี้ปัจจัยพื้นฐานของอินเดียก็เอื้อต่อการเติบโตของเศรษฐกิจเช่นกัน เช่น การมีประชากรในวันแรงงานจำนวนมาก ค่าแรงยังอยู่ในระดับต่ำ มีบุคลากรที่เชี่ยวชาญ IT จำนวนมาก ซึ่งกลุ่มอุตสาหกรรม IT มีมูลค่าตลาดใหญ่เป็นอันดับสองของมูลค่าตลาดรวมของตลาดหลักทรัพย์ ทำให้ได้รับประโยชน์จากการเติบโตของระบบดิจิตอลและอินเตอร์เน็ต เป็นต้น
ส่วนตลาดหุ้นอินเดียแม้ Valuation จะสูงกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกัน เนื่องจากมีปัจจัยที่เอื้อต่อการเติบโตของเศรษฐกิจเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ แต่ปัจจุบัน Valuation มีการปรับตัวลดลงมาใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยระยะยาวในอดีตของอินเดีย ทั้งนี้ ปัจจุบัน Bloomberg Consensus ประเมินมูลค่าของดัชนี NIFTY ที่ PE15=17.38x
สำหรับกองทุนเปิด SI5I1 จะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติให้ผู้ถือหน่วยลงทุนร้อยละ 5 ภายใน 5 เดือน เมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 10.60 บาทขึ้นไป เป็นเวลา 5 วันทำการติดต่อกันหรือเมื่อทรัพย์สินเป็นเงินสดทั้งหมด โดยบริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติเข้ากองทุนเปิด MM-GOV ในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 105 ของมูลค่าที่ตราไว้ (10 บาท) และบริษัทจะเลิกโครงการกองทุนดังกล่าว แต่หากเกิน 5 เดือน กองทุนจะเปิดให้ผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถซื้อและขายคืนหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ และกองทุนยังคงตั้งเป้าหมายเลิกโครงการร้อยละ 5 ต่อไป
กองทุนเปิด SI5I1 เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการโอกาสของผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนในตราสารทุนที่มีปัจจัยพื้นฐานดีในไทยและอินเดีย และกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน โดยสามารถรับความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ และการลงทุนในต่างประเทศ รวมทั้งมีความรู้ความเข้าใจถึงปัจจัยที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการลงทุนในต่างประเทศ
ผู้สนใจสามารถลงทุนขั้นต่ำได้ตั้งแต่ 10,000 บาท และติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายการลงทุน ความเสี่ยง ของกองทุนหรือหนังสือชี้ชวนได้ที่บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) โทรศัพท์ 0-2649-2000 ติดต่อฝ่ายวางแผนการลงทุน กด 2 หรือ Contact Center กด 0 หรือที่ www.mfcfund.com หรือสาขาเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ โทร. 02-835-3055-57