เอ็มเอฟซีเปิดขายทาร์เก็ตฟันด์ SI5I1 ลงทุนในไทยและอินเดีย

จันทร์ ๑๐ สิงหาคม ๒๐๑๕ ๑๑:๐๓
เอ็มเอฟซีเปิดขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี สมาร์ท อินเวสเมนท์ ซีรี่ส์ 5 ไอ 1 (SI5I1) เน้นลงทุนในหลักทรัพย์ในไทยและประเทศอินเดีย ตั้งเป้าหมายเลิกโครงการร้อยละ 5 ภายใน 5 เดือน เปิดขายวันที่ 10-21 สิงหาคม 2558

นางสาวประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาเอ็มเอฟซีได้ประสบความสำเร็จจากการบริหารกองทุนให้เข้าเป้าหมายเพื่อเลิกกองทุน 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล ยู เอส 7 ซีรี่ส์ 2 ที่เน้นลงทุนในหลักทรัพย์ในสหรัฐอเมริกา กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี สมาร์ท อินเวสเมนท์ ซีรี่ส์ 5 ยู 1 ที่เน้นลงทุนในหลักทรัพย์ในไทยและสหรัฐอเมริกา และกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โคเรีย สปอท ซีรี่ส์ 1 ที่เน้นลงทุนในหลักทรัพย์ในเกาหลีใต้ ทั้งนี้ เพื่อนำเสนอโอกาสใหม่ในการลงทุน เอ็มเอฟซีจึงเสนอขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี สมาร์ท อินเวสเมนท์ ซีรี่ส์ 5 ไอ 1 หรือกองทุนเปิด SI5I1 ตั้งเป้าหมายเพื่อเลิกกองทุน ไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ภายใน 5 เดือน ซึ่งมีนโยบายลงทุนในไทยและอินเดีย โดยลงทุนได้ทั้งตราสารทุน ตราสารหนี้ เงินฝาก หน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ กองทุนรวมอีทีเอฟ ตลอดจนหลักทรัพย์อื่นๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อม สำหรับการลงทุนในอินเดียทางอ้อมนั้น อาจเป็นหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายนอกประเทศอินเดีย และมีสัดส่วนลงทุนในต่างประเทศไม่เกินร้อยละ 79 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ทั้งนี้ กองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าใน SET50 Index Futures เพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุน และอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศตามความเหมาะสมและสภาวการณ์ในแต่ละขณะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน

จากข้อมูลของสายบริหารกองทุนของเอ็มเอฟซี มองว่ามีปัจจัยสนับสนุนการลงทุนในไทยและอินเดียคือ การคาดว่าเศรษฐกิจในประเทศไทยสามารถฟื้นตัวได้ หลังจากการลงทุนภาครัฐที่เริ่มเห็นภาพชัดเจนมากขึ้น และถึงแม้ว่านักวิเคราะห์ยังคงมีการปรับลดประมาณการของบริษัทจดทะเบียนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ Valuation ของ SET Index ยังคงอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้คาดการณ์ว่าการ Downgrade จะยุติลงหลังมีการประกาศผลประกอบการไตรมาสสอง

ด้านภาวะเศรษฐกิจโดยรวมอินเดีย นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของอินเดียเพิ่มขึ้นอย่างมาก และมีการคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ว่าอินเดียมีแนวโน้มที่เศรษฐกิจจะเติบโตสูงสุดเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งสะท้อนจากตลาดหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมามากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากนายกรัฐมนตรี นาย Modi ที่ได้รับเลือกตั้งในปี 2556 เป็นผู้ที่มีความมุ่งมั่นและมีประสบการณ์ในการพัฒนารัฐ Gujarat จนเป็นรัฐที่มี GDP เติบโตมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ อีกทั้งไม่เคยมีประวัติเสียหายในเรื่องคอรัปชั่น ประกอบกับได้ประกาศนโยบายในการพัฒนาประเทศ ได้แก่ การเพิ่มงบประมาณโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาพลังงานถ่านหิน การขุดเจาะเหล็กและเหมืองแร่ การปรับลดภาษีของบริษัทและเพิ่มประสิทธิภาพของรัฐวิสาหกิจ เป็นต้น รวมทั้งยังได้รับประโยชน์จากการที่ราคาน้ำมันลดลงมาอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากเป็นประเทศที่มีการนำเข้าน้ำมันเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ส่งผลดีต่อนโยบายการเงิน เพราะทำให้ธนาคารกลางสามารถดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายได้มากขึ้นจากอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงมามาก

นอกจากนี้ปัจจัยพื้นฐานของอินเดียก็เอื้อต่อการเติบโตของเศรษฐกิจเช่นกัน เช่น การมีประชากรในวันแรงงานจำนวนมาก ค่าแรงยังอยู่ในระดับต่ำ มีบุคลากรที่เชี่ยวชาญ IT จำนวนมาก ซึ่งกลุ่มอุตสาหกรรม IT มีมูลค่าตลาดใหญ่เป็นอันดับสองของมูลค่าตลาดรวมของตลาดหลักทรัพย์ ทำให้ได้รับประโยชน์จากการเติบโตของระบบดิจิตอลและอินเตอร์เน็ต เป็นต้น

ส่วนตลาดหุ้นอินเดียแม้ Valuation จะสูงกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกัน เนื่องจากมีปัจจัยที่เอื้อต่อการเติบโตของเศรษฐกิจเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ แต่ปัจจุบัน Valuation มีการปรับตัวลดลงมาใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยระยะยาวในอดีตของอินเดีย ทั้งนี้ ปัจจุบัน Bloomberg Consensus ประเมินมูลค่าของดัชนี NIFTY ที่ PE15=17.38x

สำหรับกองทุนเปิด SI5I1 จะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติให้ผู้ถือหน่วยลงทุนร้อยละ 5 ภายใน 5 เดือน เมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 10.60 บาทขึ้นไป เป็นเวลา 5 วันทำการติดต่อกันหรือเมื่อทรัพย์สินเป็นเงินสดทั้งหมด โดยบริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติเข้ากองทุนเปิด MM-GOV ในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 105 ของมูลค่าที่ตราไว้ (10 บาท) และบริษัทจะเลิกโครงการกองทุนดังกล่าว แต่หากเกิน 5 เดือน กองทุนจะเปิดให้ผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถซื้อและขายคืนหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ และกองทุนยังคงตั้งเป้าหมายเลิกโครงการร้อยละ 5 ต่อไป

กองทุนเปิด SI5I1 เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการโอกาสของผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนในตราสารทุนที่มีปัจจัยพื้นฐานดีในไทยและอินเดีย และกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน โดยสามารถรับความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ และการลงทุนในต่างประเทศ รวมทั้งมีความรู้ความเข้าใจถึงปัจจัยที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการลงทุนในต่างประเทศ

ผู้สนใจสามารถลงทุนขั้นต่ำได้ตั้งแต่ 10,000 บาท และติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายการลงทุน ความเสี่ยง ของกองทุนหรือหนังสือชี้ชวนได้ที่บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) โทรศัพท์ 0-2649-2000 ติดต่อฝ่ายวางแผนการลงทุน กด 2 หรือ Contact Center กด 0 หรือที่ www.mfcfund.com หรือสาขาเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ โทร. 02-835-3055-57

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO