นางวรวรรณ งานทวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชียน มารีน เซอร์วิสส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บมจ. เอเชียน มารีน เซอร์วิสส์ เปิดดำเนินการมาแล้ว 34 ปี ถือเป็นอู่ ต่อเรือที่เก่าแก่ และใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ในประเทศไทย มีผลงานเป็นที่ยอมรับจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ทั้งในและต่างประเทศ บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญด้านการต่อเรือแทบทุกชนิด อาทิ เรือบรรทุกสินค้า เรือสนับสนุนการขุดเจาะน้ำมัน เรือสนับสนุนงานนอกชายฝั่ง เรือสำหรับ การกำจัดมลภาวะทางน้ำ เป็นต้น รวมถึงเชี่ยวชาญในการซ่อมแซมเรือประเภทต่างๆทุกชนิด การได้รับความไว้วางใจจาก ท่าเรือกรุงเทพ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ให้ต่อเรือวางทุ่นพร้อมเครนขนาดยกน้ำหนักได้ไม่น้อยกว่า 12 เมตริกตัน จำนวน 1 ลำ ในวงเงิน 351,726,500 บาท นับเป็นอีกหนึ่งผลงานที่ภาคภูมิใจของบริษัทฯ
“วัตถุประสงค์ของการต่อเรือท่าเรือ 123 ในครั้งนี้ เพื่อทดแทนเรือท่าเรือ 103 ของการท่าเรือที่เสื่อมสภาพการใช้งาน และเพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการบำรุงรักษาทุ่นและเครื่องหมายช่วยการเดินเรือในร่องน้ำ และช่วยให้การเดินเรือมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยบริษัทฯ ใช้เวลาในการต่อเรือเป็นระยะเวลา 540 วัน ตามกำหนดในสัญญา” นางวรวรรณ กล่าว
ด้านพลเรือเอกอภิวัฒน์ ศรีวรรธนะ ประธานกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า การท่าเรือแห่งประเทศไทยได้รับงบประมาณประจำปี พ.ศ.2557 – 2558 ให้จ้างเหมาต่อเรือวางทุ่นพร้อมเครนขนาดยกน้ำหนักได้ไม่น้อยกว่า 12 เมตริกตัน จำนวน 1 ลำ ในวงเงิน 351,726,500 บาท เรือลำดังกล่าวมีชื่อว่า “เรือท่าเรือ 123” ซึ่งได้ทำพิธีวางกระดูกงู เมื่อวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2557 และมีพิธีปล่อยเรือลงน้ำ ในวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2558 การเลือก บริษัท เอเชียน มารีน เซอร์วิสส์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้รับผิดชอบในการต่อเรือครั้งนี้ เนื่องจาก การท่าเรือแห่งประเทศไทย มีความมั่นใจในประสิทธิภาพ และผลงานอันเป็นที่ยอมรับ และมีความน่าเชื่อถือมายาวนานของ บมจ. เอเชียน มารีน เซอร์วิสส์