นายสันติ หอกิตติกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีแคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ GCAP ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร ภายใต้แนวคิด “ความสำเร็จของลูกค้า คือความสำเร็จของบริษัทฯ”เปิดเผยถึงผลประกอบการในไตรมาส 2/2558 ว่า บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 12 ล้านบาท และสำหรับงวดครึ่งแรกของปี 2558 มีกำไรสุทธิ 29 ล้านบาท ลดลง จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีจำนวน 16 ล้านบาท และ 32 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งผลการดำเนินงานที่ลดลงดังกล่าว มาจากปัญหาภัยแล้งที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจทำให้ลูกค้ากลุ่มเกษตรกรชะลอและ เลื่อนการขอสินเชื่อออกไป นอกจากนี้ ในไตรมาส 2/2558 บริษัทได้จัดแคมเปญ ออก รถเกี่ยว เที่ยวญี่ปุ่น ทำให้มีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นทันทีจำนวน 2.6 ล้านบาท ในไตรมาส 2/2558 ส่วนการบันทึกรายได้จะทะยอยบันทึกในไตรมาสที่ 3/2558 เป็นต้นไป
“ในช่วงไตรมาส 2 เป็นช่วงโลว์ชีซั่นของบริษัท ประกอบกับเกิดปัญหาภัยแล้ง ทำให้สินเชื่อเครื่องจักรกลทางการเกษตรชะลอตัวกว่าที่คาด บริษัทฯได้ปรับกลยุทธ์การเพิ่มบริการสินเชื่อใหม่ๆ เพิ่ม ขึ้น เป็นสินเชื่อเงินกู้ยืมมีหลักประกัน และสินเชื่อเสริมสภาพคล่อง โดยเน้นกลุ่มลูกค้าเดิมที่มีฐานข้อมูลอยู่แล้วและมีประวัติการชำระเงินดี ซึ่งช่วยให้ลูกค้ามีสภาพคล่องสามารถทำงานได้ต่อเนื่อง อีก ทั้งยังเป็นการเพิ่มบริการทางการเงินของบริษัทฯอีกด้วย และคาดว่าตลาดเครื่องจักรกลทางการเกษตรจะฟื้นตัวได้ดี ในครึ่งปีหลัง” นายสันติ กล่าว
บริษัทฯ มีรายได้รวมในไตรมาส 2/2558 อยู่ที่ 43 ล้านบาท ขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 45 ล้านบาท ลดลง 2 ล้านบาท คิดเป็นลดลง ร้อยละ 4.44 อัตราส่วนค่าใช้จ่ายรวมต่อรายได้รวมของบริษัทฯ เพิ่มขึ้น โดยค่าใช้จ่ายรวมในไตรมาส 2/2558 อยู่ที่ 18 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 42.78 ของรายได้รวม เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 2/2557 มีค่าใช้จ่ายรวมอยู่ที่ 16 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 35.16 ของรายได้รวม
บริษัทฯ มีรายได้รวมครึ่งปีแรกของปี 2558 อยู่ที่ 90.09 ล้านบาท ขณะที่ครึ่งปีแรกของปี 2557มีรายได้รวม 90.62 ล้านบาท ลดลง 0.53 ล้านบาท คิดเป็นลดลง ร้อยละ 0.58 อัตราส่วนค่าใช้จ่ายรวมต่อรายได้รวม เพิ่มขึ้น โดยค่าใช้จ่ายรวมในครึ่งปีแรกของปี 2558 อยู่ที่ 34.19 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 37.95 ของรายได้รวม เมื่อเปรียบเทียบกับครึ่งปีแรกของปี2557 ซึ่งมีค่าใช้จ่ายรวม 31.98 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 35.29 ของรายได้รวม เนื่องจากการออกโปรแกรมส่งเสริมการขายที่เกิดขึ้นในไตรมาส 2/2558 จำนวน 2.6 ล้านบาท กำไรสุทธิสำหรับครึ่งปีแรก ของปี 2558 จำนวน 29.74 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิสำหรับครึ่งปีแรกของปี 2557 มีจำนวน 32.15 ล้านบาท ลดลงจำนวน 2.41 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 7.50
สำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) ณ สิ้นไตรมาส 1/2558 อยู่ที่ร้อยละ 12 ขณะที่สิ้นไตรมาส 2/2558 อยู่ที่ร้อยละ 14 โดยที่บริษัทฯ มีสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญสะสม เพียงพอกับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ดังกล่าว และเชื่อว่า ภาวะภัยแล้งจะบรรเทาลง ประกอบกับช่วงไตรมาส 4/2558 จะเป็นช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยว ซึ่งจะทำให้ลูกค้ามีรายได้จำนวนมาก จะช่วยให้ หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ที่กล่าวมาลดลงเหมือนเช่นทุกปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ บริษัทฯ เตรียมทบทวน ปรับลดเป้าสินเชื่อจากเดิมที่คาดว่า จะเติบโตร้อยละ 15 โดยพยายามจะรักษายอดสินเชื่อรวมให้ใกล้เคียงกับปี 2557 ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ การปล่อยสินเชื่อ สำหรับ ผลิตภัทณ์ใหม่ ซึ่งอยู่ระหว่าง การเจรจากับพันธมิตรใหม่
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯมีแผนงานที่จะกระจายความเสี่ยงของการให้สินเชื่อ ให้มีความสมดุลย์ โดยตั้งเป้ากระจายสินเชื่อเป็น 3 กลุ่มหลักๆ ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกันคือ รถเกี่ยวนวดข้าว สินเชื่อเครื่องจักรกลเกษตรพืชไร่ และสินเชื่อบริการทางการเงิน และในปีนี้ได้เริ่มปล่อย สินเชื่อแบบมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน และอยู่ระหว่างขอใบอนุญาตการประกอบธุรกิจนาโนไฟแนนซ์จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 4/2558 เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2558 มีมติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการประกอบการครึ่งปีแรก ของปี 2558 จำนวน 0.05 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ในวันที่ 11 กันยายน 2558 และกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 28 สิงหาคม 2558 (Record date) และปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 31 สิงหาคม 2558