นักวิจัยไทย - ญี่ปุ่น ถอดบทเรียนจากสึนามิและน้ำท่วม แนะวิธีรับมือภัยพิบัติต่อจากนี้

พุธ ๑๙ สิงหาคม ๒๐๑๕ ๑๐:๑๒
นักวิจัยไทยและญี่ปุ่นแนะวิธีตั้งรับภาวะวิกฤตผ่านการเรียนรู้จากสึนามิและน้ำท่วม ในเวทีประชุม เชิงปฏิบัติการ “Crisis Management : Shared experiences and Lesson learned between Japan and Thailand” ณ โรงแรม อีสติน แกรนด์ สาธร

ดร. ศิริพร วัชชวัลคุ หัวหน้าศูนย์ประสานงานโครงการวิจัยเชิงนโยบาย สกว. ด้านสถาบันการเมืองและความสัมพันธ์ จากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า นักวิจัยไทยและญี่ปุ่น ได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ โดยเฉพาะเหตุการณ์สึนามิและอุทกภัยเพื่อหาแนวทางตั้งรับหากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก โดยนักวิจัยทั้ง 2 ประเทศ ต่างมีความตรงกันว่า ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554 โลกของเรา มีแนวโน้มเกิดภัยธรรมชาติได้บ่อยและรุนแรงขึ้น ไม่ว่าประเทศนั้นๆ จะเคยเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติแล้วหรือไม่ ควรมีการจัดแผนรับมือภาวะวิกฤตที่อาจขึ้นโดยไม่คาดคิด

ดร.ดาเตะ ฮิโรโนริ นักวิจัยจาก ม.เรียวโคคุ ประเทศญี่ปุ่น ได้บอกเล่าถึงตัวอย่างเหตุการณ์การเกิด สึนามิในญี่ปุ่นว่า นอกจากจะทำให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจของประเทศแล้ว ผู้ประสบภัยยังป่วยเป็นโรคซึมเศร้า อันเนื่องมาจากการพลัดพรากจากคนรักที่สูญหาย สึนามิจึงเป็นมหันตภัยที่ไม่ได้ส่งผลเสียหายต่อร่างกายของผู้ที่จากไปเท่านั้น แต่ยังผลต่อสภาพจิตใจของผู้ที่มีชีวิตอยู่ ดังนั้นการเยียวยาสภาพจิตใจ จึงเป็นสิ่งสำคัญ อีกอย่างหนึ่ง ที่ต้องให้ความใส่ใจในยามที่ประเทศเกิดภาวะวิกฤตจากภัยธรรมชาติที่เราไม่อาจต้านทานได้

ดร.โอคูโบ โนริโกะ ม.โอซาก้า นักวิจัยจากญี่ปุ่นอีกท่าน ได้แนะนำให้คนไทยเตรียมรับมือกับภัยพิบัติ โดยกล่าวว่า พลเมืองทุกคนต้องรู้หน้าที่ในการช่วยเหลือตนเอง โดยไม่จำเป็นต้องรอการช่วยเหลือจากภาครัฐ อย่างเดียวถึงจะผ่านพ้นเหตุการณ์วิกฤตไปได้ อย่างไรก็ตามตนมีข้อเสนอแนะคือ อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำหนังสือคู่มือปฏิบัติเมื่อเกิดภาวะวิกฤตเพื่อให้ประชาชนเตรียมรับมือภัยพิบัติที่อาจขึ้นในอนาคต

ด้าน รศ.ดร.นิตยา วัจนะภูมิ จากวิทยาลัยโลกคดีศึกษา ม.ธรรมศาตร์ ผู้ทำการศึกษาประเด็น “การจัดการในภาวะวิกฤตอย่างเหตุการณ์น้ำท่วมใน จ.ปทุมธานีและ จ.นนทบุรี เมื่อปี พ.ศ.2554” กล่าวว่า อุทกภัยร้ายแรงของคนไทยครั้งนั้น เป็นปัญหาใหญ่เกินกว่าที่หน่วยงานภาครัฐระดับท้องถิ่นจะตั้งรับได้ ไทยเรามีการทำงาน ที่เป็นขาดความเป็นระบบและเชื่อมต่อ ระหว่างตัวแทนของภาครัฐระดับจังหวัดและผู้ประสบปัญหา ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาในภาวะวิกฤตมีความสำเร็จมากขึ้น คือการกำหนดบทบาทหน้าที่ที่ชัดเจนของหน่วยงานภาครัฐแต่ละหน่วยงานเมื่อเกิดภาวะวิกฤต พร้อมทั้งแชร์ข้อมูลที่สำคัญในภาวะวิกฤตที่ถูกต้องและรวดเร็ว อย่างสม่ำเสมอ

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ