นายวิชิต พยุหนาวีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซัมมิท แคปปิตอล ลีสซิ่ง จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมา (มกราคม ถึง มิถุนายน 2558) บริษัทยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านยอดปล่อยสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น 56% และปริมาณสัญญาที่มากขึ้น 50% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2557 ซึ่งความสำเร็จนี้เกิดขึ้นจากการดำเนินแผนธุรกิจเชิงรุก ด้วยการขยายสาขาและพื้นที่ให้บริการออกไปทั่วทุกภูมิภาคในประเทศ อย่างน้อยเดือนละ 1 สาขา โดยภายในสิ้นปี 2558 บริษัทคาดว่าจะมีพนักงานรวมประมาณ 1,000 คน หรือเพิ่มขึ้นกว่า 50%
เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ล่าสุด ทางบริษัทได้ใช้งบประมาณกว่า 20 ล้านบาทไปในการลงทุนด้านเทคโนโลยีเพื่อสร้างศูนย์บริการสินเชื่อ ซัมมิท แคปปิตอล ขึ้นที่ชั้น 3 อาคารศรีเฟื่องฟุ้งเพื่อให้เป็นศูนย์กลางการดำเนินงานด้านสินเชื่อทุกประเภทของบริษัท เป็นการวางระบบปฏิบัติการใหม่ช่วยให้การทำงานของเครือข่ายสาขาต่างๆ ทั่วประเทศทำได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และมีประสิทธิภาพได้มาตรฐานสากล ภายใต้ระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดรัดกุม ป้องกันข้อมูลรั่วไหล ตั้งแต่การตรวจรับเอกสารสมัคร การจัดเก็บข้อมูล การวิเคราะห์ประเมินผลผู้สมัคร ไปจนถึงขั้นตอนการอนุมัติสินเชื่อ
นายวิชิตระบุว่า แม้ว่าปัจจุบันซัมมิท แคปปิตอลจะมีจุดเด่นเรื่องของความรวดเร็วในการอนุมัติสินเชื่อที่ทำได้ภายในเวลา 30 นาที แต่ก็ยังมองว่าการมีระบบปฏิบัติการสินเชื่อที่ดีและช่องทางการติดต่อสื่อสารที่รวดเร็วถือเป็นหัวใจหลักของบริการสินเชื่อ ซึ่งจำเป็นต้องมีการพัฒนาปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน จึงได้นำเทคโลยีหลายอย่างเข้ามาเสริม อาทิ ระบบ “Fax Server” ทำให้การรับ-ส่งเอกสารจากสาขาทั่วประเทศมายังสำนักงานใหญ่ทำได้รวดเร็วขึ้น และสามารถรองรับปริมาณเอกสารจำนวนมากที่เข้ามาอย่างต่อเนื่องได้
ระบบอนุมัติสินเชื่ออัตโนมัติ ช่วยให้การอนุมัติสินเชื่อมีความแม่นยำและรวดเร็วมากขึ้น สามารถคัดกรองการปล่อยสินเชื่อแก่ลูกค้าที่มีคุณภาพดี เพื่อควบคุมคุณภาพลูกหนี้ ลดหนี้เสีย และยังสามารถช่วยตรวจสอบกลุ่มลูกค้าที่มีแนวโน้มว่าจะทุจริตได้อีกด้วย โดยจุดเด่นของเครื่องมือนี้คือ เป็นระบบที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถรองรับนโยบายการอนุมัติสินเชื่อที่อาจเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ที่สำคัญที่สุด ซัมมิทยังให้ความสำคัญกับการปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าและคู่ค้าผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ที่มีอยู่กว่า 1,000 รายที่เก็บรักษาในระบบเป็นอย่างดี ขณะเดียวกันเมื่อต้องมีการรับส่งเอกสารผ่านบุคคลภายนอกยังมีการเข้ารหัสเอกสาร ด้วยการระบุชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านในการเปิดเอกสารเพื่อป้องกันข้อมูลรั่วไหลอีกด้วย
และในอนาคต ซัมมิท แคปปิตอลยังวางแผนที่จะลงทุนเพื่อปรับปรุงด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง โดยจัดทำเป็นแผนพัฒนาทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว และมีการจัดตั้งหน่วยงานทำหน้าที่วิเคราะห์ประสิทธิภาพของระบบปฏิบัติการต่างๆ ขึ้นโดยเฉพาะ ซึ่งทางบริษัทมั่นใจว่าจะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้บรรลุเป้าหมายขึ้นสู่การเป็นผู้นำธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์เมืองไทย ภายใน 5 ปี