กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เคพีเอ็น (KPNPF) มีนโยบายลงทุนในกรรมสิทธิ์ที่ดิน อาคารสำนักงาน และระบบสาธารณูปโภคของอาคารเคพีเอ็น ทาวเวอร์ บนถนนพระราม 9 ซึ่งปัจจุบันมีอัตราการเช่าพื้นที่ประมาณ 82% โดยผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2558 ที่ผ่านมา จัดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ และสามารถสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอจากค่าเช่าพื้นที่และบริการต่างๆ ภายในโครงการ ทำให้ในรอบผลดำเนินงานดังกล่าว กองทุนสามารถทำกำไรสุทธิได้ 55.88 ล้านบาท ซึ่งตั้งแต่จัดตั้งกองทุนมามีการจ่ายปันผลแล้วรวม 9 ครั้ง รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1.3730 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายปันผลเฉลี่ยตั้งแต่จัดตั้งกองทุนที่ 6.29% ต่อปี
ด้านกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ไลฟ์สไตล์ (MJLF) มีนโยบายลงทุนในสิทธิการเช่าอาคารโครงการเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รังสิต, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน และซูซูกิ อเวนิว รัชโยธิน ปัจจุบันมีอัตราการเช่าพื้นที่อยู่ประมาณ 97% ของพื้นที่เช่าทั้งหมด และภาพรวมตลอดครึ่งปี 2558 ที่ผ่านมา โครงการทั้ง 3 แห่งยังมีอัตราการเช่าเกือบเต็มตลอดในทุกไตรมาส ส่วนผลการดำเนินงานในครึ่งปี 2558 ที่ผ่านมา จัดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ โดยกองทุนสามารถทำกำไรสุทธิได้ 181.48 ล้านบาท ทั้งนี้ ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนมามีการจ่ายปันผลแล้วรวม 32 ครั้ง รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 7.6130 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายปันผลเฉลี่ยตั้งแต่จัดตั้งกองทุนที่ 9.54% ต่อปี
ส่วนกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โกลด์ (GOLDPF) มีนโยบายลงทุนในสิทธิการเช่าที่ดินและอาคารเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ขนาด 162 ห้องของโครงการเดอะ เมย์แฟร์แมริออท เอ็กเซคคิวทีฟ อพาร์ทเม้นท์ ซอยหลังสวน ถนนเพลินจิต ปัจจุบันมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยประมาณ 85% โดยผลการดำเนินงานในครึ่งปี 2558 ที่ผ่านมา กองทุนสามารถทำกำไรสุทธิได้ 36.98 ล้านบาท ทั้งนี้ ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนมามีการจ่ายปันผลแล้วรวม 15 ครั้ง รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 4.3495 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายปันผลเฉลี่ยตั้งแต่จัดตั้งกองทุนที่ 5.52% ต่อปี
กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา (CTARAF) มีนโยบายลงทุนในสิทธิการเช่าที่ดินและอาคาร รวมถึงระบบสาธารณูปโภค ของโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์บีชรีสอร์ทสมุย โรงแรมระดับ 5 ดาว ซึ่งตั้งอยู่บนเนื้อที่ 25 ไร่ บนหาดเฉวง เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ปัจจุบันมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยที่ 88% และมีผลการดำเนินงานในรอบครึ่งปีแรกของปี 2558 อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ โดยกองทุนสามารถทำกำไรสุทธิได้ 110.92 ล้านบาท ทั้งนี้ ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนมามีการจ่ายปันผลแล้วรวม 24 ครั้ง รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 4.3622 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายปันผลเฉลี่ยตั้งแต่จัดตั้งกองทุนที่ 6.92% ต่อปี
นายพงศ์พิเชษฐ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันและสถานการณ์ตลาดหุ้นที่มีความผันผวนค่อนข้างสูง กองทุนอสังหาริมทรัพย์นับว่าเป็นทางเลือกของการลงทุนรูปแบบหนึ่งที่น่าสนใจ และเป็นสินทรัพย์ที่ผู้ลงทุนควรจะมีไว้อยู่ในพอร์ตโฟลิโอ เพราะมีแนวโน้มที่จะให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอในรูปแบบของเงินปันผล เนื่องจากกองทุนอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีรายได้ที่แน่นอน โดยเฉพาะรายได้หลักที่มาจากค่าเช่า ดังนั้นแม้ในภาวะที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนหรือช่วงที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงอันเกิดจากการซื้อขายในตลาด กองทุนก็ยังมีความสามารถในการสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง โดยที่ปัจจัยพื้นฐานของกิจการไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้การที่ราคาหุ้นในตลาดที่ปรับตัวลดลง ยังมองว่าเป็นโอกาสที่ผู้ลงทุนจะสามารถเข้าไปลงทุนด้วยราคาที่ถูกลง และมองโอกาสในการรับผลตอบแทนจากการกำไรในระยะยาวได้”
กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ทั้ง 4 กองทุนดังกล่าว จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ดังนั้นสำหรับผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนในกองทุน KPNPF กองทุน MJLF กองทุน GOLDPF และกองทุน CTARAF สามารถซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888 หรือที่ www.kasikornasset.combegin_of_the_skype_highlightinend_of_the_skype_highlighting
begin_of_the_skype_highlightinend_of_the_skype_highlighting
ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงของกองทุน KPNPF กองทุน MJLF กองทุน GOLDPF และกองทุน CTARAF ได้ที่ www.kasikornasset.com หรือ บลจ.กสิกรไทยหรือธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือขอข้อมูลดังกล่าวจากบุคคลที่เสนอขายกองทุน ก่อนตัดสินใจลงทุน
กองทุน รอบผลการดำเนินงาน อัตราเงินปันผล (บาท/หน่วย)
KPNPF 1 เม.ย 2558 - 30 มิ.ย. 2558 0.1400
MJLF 1 เม.ย 2558 - 30 มิ.ย. 2558 0.2500
GOLDPF 1 ม.ค 2558 - 30 มิ.ย. 2558 0.1620
CTARAF 1 เม.ย 2558 - 30 มิ.ย. 2558 0.0550