นายวิลเลียม ฟาง กรรมการอำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KGI เปิดเผยว่า บริษัทมีผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 2558 บริษัทฯ มีรายได้อยู่ที่ 1,246.75 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 1,125.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 121.26 ล้านบาท หรือ 10.77 % กำไรสุทธิอยู่ที่ 297.53 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 300.03 ล้านบาท ลดลง 2.5 ล้านบาท หรือลดลง 0.83% ส่วนผลประกอบการของบริษัทฯ งวดไตรมาส 2/2558 มีรายได้รวมอยู่ที่ 545.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 538.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.46 หรือ 1.39% ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ ที่ 108.97 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปี 2557 ที่มีกำไร 129.88 ล้านบาท
ทั้งนี้ รายได้ที่เพิ่มขึ้นสัดส่วนหลักมาจากรายได้ค่านายหน้า 196.75 ล้านบาท รวมทั้งรายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มสูงขึ้นเป็น 138.49 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 100.14 ล้านบาท ขณะเดียวกันมีการบันทึกรายได้ในส่วนของกำไรจากตราสารอนุพันธ์ จำนวน 271.27 ล้านบาท ดอกเบี้ยและเงินปันผล จำนวน 65.68 ล้านบาท และดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์จำนวน 26.25 ล้านบาท สำหรับธุรกิจตราสารอนุพันธ์ บริษัทฯ เป็นหนึ่งในผู้นำที่มีบทบาทในการออกและซื้อขายใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ ทั้งนี้โดยภาพรวมบริษัทฯ มีผลกำไรจากการดำเนินงานที่ดี แต่กำไรที่ลดลงในไตรมาสนี้ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมชะลอลง โดยบริษัทฯให้ความสำคัญต่อการให้บริการที่มีคุณภาพ และคงไว้ซึ่งการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ
"ตลาดหุ้นในครึ่งปีหลัง คาดว่าจะยังมีความผันผวนจากภาวะเศรษฐกิจการเงินของตลาดโลก และเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัว แต่ยังเชื่อว่าภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้นจากการที่รัฐบาลมี คณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ามาบริหารและคาดว่าจะมีมาตรการ ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจและการเดินหน้าโครงการลงทุนโครง สร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ประเมินว่าผลประกอบการของ KGI จะดีกว่าครึ่งปีแรกเพราะคาดการณ์ว่าวอลุ่มเทรดจะดี กว่าและคาดว่าจะมีรายได้ ในด้านวาณิชธนกิจเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลัง 2558" นายวิลเลียม ฟาง กล่าว