กรุงเทพฯ--12 ก.ค.--124 คอมมิวนิเคชั่นส
เพิ่มสินสตีลเวิคส์ พร้อมเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ หมวดวัสดุก่อสร้าง 14 ก.ค. นี้ ใช้ตัวย่อ“PERM”ประกาศดันธุรกิจโตต่อเนื่อง ระบุความต้องการใช้เหล็กรีดเย็นในประเทศสูง ขยายตัวตามอุตสาหกรรมยานยนต์และก่อสร้าง ด้านที่ปรึกษาทางการเงินเผยนักลงทุนแห่จองซื้อหุ้น
นายชูเกียรติ ยงวงศ์ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท เพิ่มสินสตีลเวิคส์ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่าตลาดหลักทรัพย์ฯได้รับบริษัทฯเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียน และอนุมัติให้เข้าทำการซื้อขายในวันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคมนี้ โดยจะเข้าทำการซื้อขายในหมวดวัสดุก่อสร้าง กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ใช้ชื่อในการซื้อขายว่า “PERM” โดยราคาเสนอขายของ PERM อยู่ที่หุ้นละ 3.50 บาท
“เงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้จะนำไปใช้ในการขยายกิจการ โดยชำระเงินกู้ค่าก่อสร้างสำนักงานสำหรับผลิตเหล็กโครงคร่าวเพดานและผนัง และแผ่นหลังคาเหล็กเคลือบสีพร้อมฉีดฉนวนกันความร้อนจำนวน 120 ล้านบาท ชำระหนี้ค่าซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ผลิตแผ่นหลังคาเหล็กเคลือบสีพร้อมฉนวนกันความร้อนจำนวน 120 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจะใช้ก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้า และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการต่อไป” นายชูเกียรติกล่าว
นอกจากนั้นเชื่อว่าธุรกิจของบริษัทฯมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะในปี 2548 อุตสาหกรรมยานยนต์และก่อสร้างยังคงมีการเติบโตอยู่ในอัตราที่ค่อนข้างสูง ส่งผลให้ความต้องการใช้เหล็กรีดเย็นมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นตามด้วยเช่นกัน
โดยในปัจจุบันประเทศไทยสามารถผลิตเหล็กรีดเย็นได้ประมาณ 2.2 ล้านตันต่อปี ขณะที่ความต้องการทั้งระบบสูงถึง 6 ล้านตันต่อปี แม้ว่าโรงงานผลิตเหล็กรีดร้อนในไทยหลายแห่งกำลังดำเนินการขยายกำลังการผลิต แต่ปัจจุบันยังไม่มีโรงงานเหล็กรีดเย็นภายในประเทศ โรงงานใดที่มีแผนจะขยายโรงงานหรือเพิ่มกำลังการผลิต ทำให้ปริมาณความต้องการเหล็กรีดเย็นในตลาดมีมากกว่าปริมาณสินค้า
นางชไมพร ยงวงศ์ไพบูลย์ กรรมการและผู้อำนวยการด้านบัญชีและการเงิน เปิดเผยถึงผลประกอบการของบริษัทในไตรมาส 1 ปี 2548 ว่า บริษัทมีรายได้รวม 616.58 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 44.58 ล้านบาท ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการทำกำไรของบริษัทที่ปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น สอดคล้องกับยอดขายรวมของบริษัทที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี จาก 960.73 ล้านบาท ในปี 2545 เป็น 1,215.10 ล้านบาทและ 1,662.87 ล้านบาท ในปี 2546 และปี 2547 ตามลำดับ และบริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปีเช่นกัน จาก 3.00 ล้านบาทในปี 2545 เป็น 5.85 ล้านบาทและ 49.67 ล้านบาทในปี 2546 และ 2547 ตามลำดับ
ทั้งนี้หลังจากกระจายหุ้นสามัญเพิ่มทุน สัดส่วนผู้ถือหุ้นก่อนและหลัง IPO มีการเปลี่ยนแปลงดังต่อไปนี้ กลุ่มยงวงศ์ไพบูลย์ จากร้อยละ 77 ลดลงเหลือ ร้อยละ 61 กลุ่มบัตรสมบูรณ์ จากร้อยละ 7 ลดลงเหลือร้อยละ 6 กลุ่มเงาวิศิษฐ์กุล จากร้อยละ 4 ลดลงเหลือร้อยละ 3 และอื่นๆ จากร้อยละ 12 ลดลงเหลือร้อยละ 10 โดยจะมีสัดส่วนของหุ้นเพิ่มทุนใหม่ที่กระจายแก่ประชาชนในครั้งนี้ประมาณร้อยละ 20 ของทุนชำระแล้วของบริษัท
นายวิเชียร เอื้อสงวนกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเปิดจองซื้อหุ้น PERM ในช่วงระหว่างวันที่ 29 มิ.ย. ถึง 4 ก.ค. ที่ผ่านมาได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก ซึ่งสัดส่วนการกระจายหุ้นแบ่งออกเป็น นักลงทุนรายย่อย 35% นักลงทุนสถาบัน 10% ผู้มีอุปการคุณ 50% โดยในส่วนของผู้มีอุปการคุณ ประกอบด้วย คู่ค้า ลูกค้า พันธมิตรทางธุรกิจ และอื่นๆ
อนึ่ง บริษัท เพิ่มสินสตีลเวิคส์ จำกัด(มหาชน) ก่อตั้งเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2532 ด้วยทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้วเริ่มแรก จำนวน 6 ล้านบาท เพื่อประกอบธุรกิจซื้อมา-ขายไป เหล็กแผ่นรีดเย็น โดยการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศเป็นหลัก ในวันที่ 31 ธันวาคม 2547 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 1,129.68 ล้านบาท หนี้สินรวม 767.62 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 359.58 ล้านบาท และมีทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้ว 300 ล้านบาท และในเดือนมกราคม 2548 บริษัทได้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 400 ล้านบาทและชำระเต็มมูลค่าแล้ว
ปัจจุบัน บริษัท เพิ่มสินสตีลเวิคส์ จำกัด(มหาชน) ประกอบธุรกิจแปรรูปและจัดจำหน่ายสินค้าเหล็กแผ่นรีดเย็น เหล็กเคลือบเคมีด้วยไฟฟ้า แผ่นหลังคาเหล็กเคลือบสีและผนังเหล็กเคลือบสี โครงหลังคาบ้าน “Smartruss” เหล็กโครงคร่าวเพดานและผนัง และเหล็กกล้าแรงดึงสูงชุบสังกะสีรูปตัวซี
รายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ:
อินทิรา ใจอ่อนน้อม
ม.ล. ฉัตรามณี เกษมศรี
ครองใจ แสงเงิน
บริษัท 124 คอมมิวนิเคชั่นส จำกัด (มหาชน)
โทร 02-662-2266--จบ--