นายพีรทัศน์ ธนรัชต์วัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอื้อวิทยา จำกัด (มหาชน) หรือ UWC เปิดเผยว่า ตามที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. จะมีการขยายระบบสายส่งไฟฟ้าเพื่อให้สามารถรองรับโครงการพลังงานทดแทนที่ขยายตัวไปทั่วประเทศ ซึ่งจะมีความต้องการสายส่งขนาด 500 กิโลโวลต์ (kV)เป็นจำนวนมากใน 3 ภูมิภาค ทั้ง ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้ ซึ่งจะสามารถรองรับพลังงานทดแทนทั้งประเทศรวมได้ 5,180 เมกะวัตต์ ทำให้มีความต้องการใช้เสาส่งสายไฟฟ้าแรงสูงขนาด 500 กิโลโวลต์ (kV) เป็นมูลค่ารวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท ในช่วง 3 ปี ตั้งแต่ปีพศ. 2559 – 2561
โดยหลังจากที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบโครงการดังกล่าวแล้วนั้น ทำให้บริษัทฯจะได้รับผลประโยชน์ทางตรง เนื่องจากเป็นผู้ผลิตเสาส่งสายไฟฟ้าแรงสูงขนาด 500 กิโลโวลต์ (kV) และเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญ เป็นผู้ผลิตรายแรกของประเทศ และได้รับการรับรองจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ทำให้บริษัทฯ มั่นใจว่าจะได้รับงานจากโครงการภาครัฐเพิ่มเติม และส่งผลให้รายได้ใน 3 ปีข้างหน้าเติบโตอย่างต่อเนื่องแน่นอน
ในขณะเดียวกันโครงการด้านโทรคมนาคมที่บอร์ด กสทช. ได้อนุมัติให้มีการประมูลคลื่นความถี่ 4G ในเดือนพฤศจิกายน 2558 นี้ จะส่งผลให้ความต้องการใช้เสาส่งโทรคมนาคมในปี 2559 จะมีมูลค่าสูงกว่า 1 พันล้านบาท โดยบริษัทฯก็จะได้รับผลประโยชน์จากโครงการดังกล่าวเช่นเดียวกัน เนื่องจากเป็นผู้ผลิตเสาโทรคมนาคมชั้นนำ สามารถเข้าถึงการขยายโครงข่ายการให้บริการคลื่นความถี่กับโอเปอร์เรเตอร์ทุกรายของประเทศไทย
'การขยายการลงทุนของภาครัฐทั้งในด้านของพลังงาน และการสื่อสารซึ่งถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ จะช่วยให้เม็ดเงินไหลเข้าสู่ระบบจำนวนมากซึ่งการลงทุนพัฒนาโครงการดังกล่าว จำเป็นที่จะต้องลงทุนด้านเสาส่งไฟฟ้า และเสาส่งสัญญาณ ซึ่งเราเองเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ทำให้มีโอกาสสูงในการรับงานเพิ่มเติมได้อีกจำนวนมาก'
ในขณะที่ผลประกอบการของบริษัทฯในปีหน้า คาดว่ารายได้ในส่วนของเสาส่งสายไฟฟ้าแรงสูง และเสาโทรคมนาคมจะมีการเติบโตไม่น้อยกว่า 40% ทั้งนี้ยังไม่รวมรายได้จากการขายไฟฟ้าของโครงการ โรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลที่จะเข้าลงทุนปลายปีนี้ ซึ่งได้รับ PPA แล้ว และเป็นโครงการที่มีการขายไฟให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตอยู่แล้ว หากบริษัทเข้าลงทุนจะสามารถรับรู้รายได้ได้ทันที