นายธวัช มีประเสริฐสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไดอิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ DAIIผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์รั้วสำเร็จรูป ภายใต้เครื่องหมายการค้า "FENZER" รับสร้างบ้านสำเร็จรูปบนที่ดิน "GINZAHOME" รวมทั้งจัดจำหน่าย ติดตั้งประตูและหน้าต่างอลูมิเนียมสำเร็จรูป "ATECH WINDOW" เปิดเผยภาพรวมธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มเติบโตกว่าครึ่งปีแรก เป็นผลจากการปรับโครงสร้างของบริษัทฯ ในปี 2557 ที่ผ่านมา เพื่อรุกธุรกิจรับสร้างบ้านสำเร็จรูป ซึ่งเป็นนวัตกรรการก่อสร้างยุคใหม่ จากเดิมบริษัทฯ รับงานก่อสร้างแบบ Conventional ซึ่งเป็นการก่อสร้างแบบเดิม ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาโรงงานผลิตบ้านสำเร็จรูปกินซ่าโฮมแห่งที่ 2 ที่โรงงานจ. นครปฐม ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเดินเครื่องการผลิตเรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตบ้านสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นอีกกว่า 2 เท่าตัว เป็น 800 หลังต่อปี สามารถผลิตแบบบ้านได้ 11 แบบ จากปี 2557 มีกำลังการผลิต 250 หลังต่อปี ดังนั้น ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถรับออเดอร์จากลูกค้าเพื่อรอผลิตได้เป็นจำนวนมาก โดยงานในมือ (Backlog) ธุรกิจรับสร้างบ้านสำเร็จรูปของบริษัทฯ ในเดือนสิงหาคม ปี 2558 รวมอยู่ที่ประมาณ 226.73 ล้านบาท หรือเติบโตสูงถึง 197% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2557 อยู่ที่ 76.25 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถทยอยรับรู้รายได้จากงานดังกล่าวในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ราว 70% ส่วนที่เหลือทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องในช่วงต้นปี 2559 อย่างไรก็ตาม บริษัทยังเดินหน้าขยายช่องทางการตลาดในธุรกิจรับสร้างบ้านสำเร็จรูปเพิ่มเติมอีก เพื่อสนับสนุนงานในมือให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับธุรกิจรั้วสำเร็จรูปของบริษัทฯ และธุรกิจติดตั้งประตูหน้าต่างก็มีทิศทางการเติบโตที่ดี และคาดว่าทั้งปีจะมียอดขายเติบโตขึ้นจากปีก่อนได้ สนับสนุนเป้าหมายรายได้ทั้งปี 2558 ของบริษัทฯ ที่วางไว้จะเติบโตอีกประมาณ 15% จากปี 2557 อยู่ที่ 357.98 ล้านบาท
ทั้งนี้ภายหลังจากบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai สนับสนุนให้บริษัทฯ มีเงินทุนมากพอที่จะขยายการเติบโต และเตรียมพร้อมรับโอกาสใหม่ๆ โดยบริษัทฯ อยู่ระหว่างก่อสร้างโรงงานผลิตรั้วสำเร็จรูปและสำนักงานขายที่โรงงาน จ. ระยอง เพื่อลดปัญหาการขนส่ง และขยายฐานลูกค้าไปยังโซนภาคตะวันออก จากเดิมฐานลูกค้าบริษัทอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลเท่านั้น รวมทั้ง ก่อสร้างโชว์รูมเดอะกินซ่า แห่งที่ 2 เพื่อเป็นอีกช่องทางการขายในธุรกิจรับสร้างบ้านสำเร็จรูป ซึ่งคาดว่าทั้ง 2 โครงการจะก่อสร้างแล้วเสร็จในไตรมาส 1/2559 นอกจากนี้ เรายังมุ่งพัฒนาช่องทางการจำหน่ายสินค้าผ่าน www.daiiBuy.com เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มมาร์จิ้นของบริษัทฯ ให้สูงขึ้น เมื่อเทียบกว่าการขายผ่านตัวแทนจำหน่าย ซึ่งที่ผ่านมาช่องทางการขายผ่านออนไลน์ของบริษัทฯ ได้รับการตอบรับจากลูกค้ามากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
"เราเป็นผู้นำในธุรกิจรั้วสำเร็จรูป ที่มีความหลากหลายของสินค้ามากที่สุด ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ จึงได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ส่วนทิศทางธุรกิจรับสร้างบ้านสำเร็จรูป มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี เนื่องจากความคุ้มค่า สะดวก แข็งแรง ทนทานต้านแผ่นดินไหว รวดเร็วในการก่อสร้าง และในราคาที่เหมาะสม จะสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งบริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจนี้ และมีเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตเป็นของตนเอง ทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำกว่าคู่แข่งค่อนข้างมาก อีกทั้ง จากออเดอร์บ้านสำเร็จรูปที่เข้ามาเพิ่มขึ้น จะทำให้ต้นทุนต่อหน่วยลดลง สนับสนุนกำไรของบริษัทฯ ให้เติบโตเพิ่มขึ้นได้ หากมองเฉพาะครึ่งปีหลังเชื่อว่ารายได้ และกำไรสุทธิของ DAII จะดีกว่าครึ่งปีแรก จากงานคงค้างในมือซึ่งจะรับบรู้รายได้ส่วนใหญ่ในปีนี้ ส่วนทั้งปีเป้าหมายรายได้เติบโต 15% ได้ตามที่วางไว้แน่นอน"นายธวัช กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรก (สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2558) ในงบการเงินรวม บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย และรับจ้างก่อสร้าง 204.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.99% เมื่อเปรียบเทียบงวดครึ่งปีแรกของปี 2557 อยู่ที่ 191.15 ล้านบาท เนื่องจาก บริษัทฯ มีรายได้จากธุรกิจผลิตรั้วสำเร็จรูปของกลุ่ม 95.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.48 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบงวดครึ่งปีแรกของปี 2557 อยู่ที่ 87.41 ล้านบาท ส่วนรายได้จากธุรกิจรับสร้างบ้านอยู่ที่ 96.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น8.57 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบงวดครึ่งปีแรกของปี 2557 อยู่ที่ 88.25 ล้านบาท ส่วนรายได้จากธุรกิจผลิตภัณฑ์ประตูและหน้าต่างอลูมิเนียมของกลุ่มบริษัทฯ ปรับลดลงอยู่ที่ 11.80 ล้านบาท ลดลง 3.69 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบงวดครึ่งปีแรกของปี 2557 อยู่ที่ 15.49 ล้านบาท
กำไรสุทธิสำหรับงวด 6 เดือนแรกปี 2558 มีกำไรสุทธิ 9.31 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบงวดครึ่งปีแรกของปี 2557 อยู่ที่ 13.55 ล้านบาท มีสาเหตุมาจาก บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการโฆษณาเพิ่มขึ้น เพื่อสร้างแบรนด์ในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ มีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มบริษัทในเครือได้มีการเปิดสาขาเซ็นทรัลศาลายา เพื่อเพิ่มช่องทางการขาย ขยายฐานลูกค้าให้กว้างขวางยิ่งขึ้น