เป้ - ดร.ทวีเวท ศรีณรงค์ เสริมว่า " เราต้องตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนว่าเราต้องการที่จะเป็นอะไร และสั่งสมประสบการณ์ในสายงานที่เราสนใจให้มากขึ้น มันจะช่วยต่อยอดความสำเร็จของเราให้ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ยังไม่ต้องกลัวเรื่องความผิดพลาด จงพยายามเรียนรู้ที่จะแก้ปัญหาและโตไปกับมัน พลาดวันนี้เพื่อเป็นบทเรียน พรุ่งนี้ลองใหม่ ทำในสิ่งที่เรารัก นอกจากเกร็ดความรู้ด้านดนตรี และการถ่ายทอดประสบการณ์สุดพิเศษจาก 2 คนดนตรีมืออาชีพแล้ว น้องๆที่เข้าร่วมเวิร์คชอปในโครงการนี้ต่างก็ได้รับแรงบันดาลใจ และเคล็ดลับดีดีกันไปถ้วนหน้า พร้อมทั้งร่วมเผยความฝันบนเส้นทางดนตรีของตนเองให้พวกเราฟังอีกด้วย
เรียกว่าเป็นปรากฏการณ์สุดยิ่งใหญ่จริงๆ เมื่อ 2 คนดนตรีคลาสสิกตัวจริง อย่าง "เบิร์ด-เอกชัย เจียรกุล" มือกีตาร์คลาสสิกระดับโลก และ "เป้ - ดร.ทวีเวท ศรีณรงค์ ยอดฝีมือวงการไวโอลิน เดินสายสร้างแรงบันดาลใจ โชว์เทคนิคดนตรีคลาสสิก เคล็ดลับการฝึกซ้อม มุ่งสร้างแรงบันดาลใจแก่เยาวชนไทยผู้มีใจรักดนตรีตามมหาวิทยาลัย ผ่านโครงการ Sangsom presents คนไทย…ตั้งใจทำอะไรไม่แพ้ชาติใดในโลก Road to Carnegie hall "การแข่งขันบรรเลงดนตรีสากล (สามารถใช้เครื่องดนตรีแบบใดก็ได้ ที่ไม่ใช้เครื่องดนตรีไฟฟ้า) " Solo แบบ Free Choice Music คัดเลือกผู้ชนะเลิศเหรียญทองเพียง 2 ท่าน เท่านั้น ที่จะบินลัดฟ้า ไปชมการแสดงคอนเสิร์ตบรรเลงกีตาร์คลาสสิก กับ เบิร์ด เอกชัย เจียรกุล นักกีตาร์คลาสสิกระดับโลก ติดขอบเวที ณ Carnegie Hallมหานครนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมร่วมสร้างประสบการณ์สุดยูนีค 7 วันที่คุณจะไม่มีวันลืม ไปกับ SangSom คนไทย...ตั้งใจทำอะไรไม่แพ้ชาติใดในโลก
เบิร์ด – เอกชัย เจียรกุล เผยว่า "สำหรับผม พรสวรรค์แค่ 1 % ที่เหลืออีก 99% คือความตั้งใจ นั่นคือ ซ้อม ซ้อม แล้วก็ซ้อม" อย่าคิดว่าตัวเองเกิดมาไม่เก่ง อย่าคิดว่าตัวเองจะทำไม่ได้ เพราะกว่าผมจะได้มาเป็นที่ 1 ของโลกในวันนี้เป็น "ที่โหล่" มานับครั้งไม่ถ้วน เป็นที่ 2 มาแล้ว ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ถ้าผมถอดใจไปในตอนนั้น...คงไม่มีวันนี้ ผมเชื่อว่าความสำเร็จเกิดขึ้นได้เพราะ 1. มีใจรัก 2. ความตั้งใจกับเป้าหมายที่ชัดเจน 3. ห้ามล้มเลิก สามอย่างนี้ ทำให้เป็นไปได้ มีคำพูดหนึ่งที่ผมชอบและนึกถึงตลอด คือ "ถ้าเราจะยิงหงส์ ให้เล็งไปถึงดวงจันทร์ ถึงพลาดพลั้งก็ยังอยู่ท่ามกลางหมู่ดาว" เป็นสุภาษิตจีน ที่บอกว่า ฝันทั้งที ฝันให้ใหญ่ไปเลย อย่าคิดว่าทำไม่ได้ ผมเชื่อในเรื่องความตั้งใจ เราต้องมุ่งมั่นทำให้ดีที่สุดก่อน แล้วความสำเร็จจะตามมา เหมือนที่ผมมีวันนี้ได้ และเคล็ดลับความสำเร็จ ทุกครั้งที่ผมแพ้ ผมซ้อมหนักกว่าเดิม อย่างเวทีการแข่งขันรายการ GFA ที่ผ่านมา ซ้อมหนักที่สุดในชีวิต เท่าที่เคยทำมา รายการอื่นก็หนัก แต่อันนี้ สุดๆ แล้ว ซ้อมจนร่างกายบอกไม่ไหว แต่ก็ไม่พัก ผมซ้อมในหัวจินตนาการโน้ตทุกตัว เช่นเล่นเพลงนี้ต้องจับคอร์ดอะไร จนหลับไปพร้อมกับเสียง ขนาดฝัน ยังได้ยินเพลงบรรเลงในหัว" และความมุ่งมั่นตั้งใจของผมทำให้สามารถคว้ารางวัลแห่งความที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตมาครอบครองได้สำเร็จ พร้อมสร้างความภาคภูมิใจให้สมกับคำว่า "คนไทย...ตั้งใจทำอะไรไม่แพ้ชาติใดในโลก"
"เป้ - ดร.ทวีเวท ศรีณรงค์ กล่าวเสริมว่า " เราต้องตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนว่าเราต้องการที่จะเป็นอะไร และสั่งสมประสบการณ์ในสายงานที่เราสนใจให้มากขึ้น มันจะช่วยต่อยอดความสำเร็จของเราให้ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ยังไม่ต้องกลัวเรื่องความผิดพลาด จงพยายามเรียนรู้ที่จะแก้ปัญหาและโตไปกับมัน พลาดวันนี้เพื่อเป็นบทเรียน พรุ่งนี้ลองใหม่ ทำในสิ่งที่เรารัก และสำหรับCarnegie Hall ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่ สำหรับคนรักดนตรีสากลเท่านั้น แม้แต่นักร้องฮิปฮอปรวมถึงคนดนตรีทุกคน ต่างก็ต้องการมีประสบการณ์บนเวทีอันทรงเกียรติแห่งนี้กันทั้งสิ้น การที่แสงโสมเปิดโอกาสให้น้องๆ ได้ไปร่วมทริปครั้งนี้ นอกจากจะได้ดื่มด่ำกับศาสตร์และศิลป์แห่งดนตรีแล้ว ยังสามารถสัมผัสกับวัฒนธรรมและสถานที่ท่องเที่ยวที่เปี่ยมล้นไปด้วยกลิ่นอายของมหานครนิวยอร์ค มหานครที่ไม่เคยหลับไหลและมีเรื่องให้น่าตื่นตาตื่นใจตลอดเวลา รับประกันได้ว่าจะหลงใหล และรู้สึกพิเศษอย่างที่ไม่เคยมีที่ไหนจัดมาก่อนแน่นอน "
นอกจากเกร็ดความรู้ด้านดนตรี และการถ่ายทอดประสบการณ์สุดพิเศษจาก 2 คนดนตรีมืออาชีพแล้ว น้องๆที่เข้าร่วมเวิร์คชอปในโครงการนี้ต่างก็ได้รับแรงบันดาลใจ และเคล็ดลับดีดีกันไปถ้วนหน้า พร้อมทั้งร่วมเผยความฝันบนเส้นทางดนตรีของตนเองให้พวกเราฟังอีกด้วย
โอ๊ด – นาย วรพันธุ์ ไล้ทอง นิสิตคณะครุศาสตร์ เอกดนตรีศึกษา มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ อายุ 21 ปี กล่าวว่า "ผมเป็นคนที่ชอบดนตรีมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมต้น ที่รู้อย่างนั้นเพราะสามารถอยู่กับกีตาร์ได้เป็นเวลานานวันละหลายชั่วโมง ผมเริ่มเล่นจากกีตาร์คลาสสิก และกีตาร์ไฟฟ้า เนื่องด้วยคุณพ่อก็ชื่นชอบดนตรีด้วย จึงได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดี สำหรับวันนี้ที่ได้มาฟังต้องถือว่า พี่ๆ เขาเป็นแรงบันดาลใจทางด้านดนตรีได้ดีมาก อย่างน้อยผมก็จะกลับไปตั้งเป้าหมายบนเส้นทางดนตรีของผมให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ถ้าวันหนึ่งผมเป็นได้อย่างพี่เขาก็คงจะเป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน สำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่มีใจรักในดนตรี ผมว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่น่าสนใจ ไม่ว่าคุณจะชอบเล่นดนตรีคลาสสิกชนิดไหนก็ได้ ที่ไม่ใช่ เครื่องดนตรีไฟฟ้า ร่วมกันส่งคลิปการบรรเลงเพลง เข้ามาประกวดซักครั้ง เป็นเรื่องที่น่าจะลองดูในสิ่งที่ตัวเองรัก "
แพร – นางสาวพุธิดา แสงสุวรรณ นิสิตคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ อายุ 20 ปี กล่าวว่า "ก่อนหน้านี้แพรเล่นกีตาร์โปร่งธรรมดาคะ แต่พอมาได้ลองเล่นกีตาร์คลาสสิก เลยชอบเล่นกีตาร์คลาสสิกแทนคะ อาจเพราะมันเล่นได้หลากหลายกว่าและอยากลองฝึกแนว finger style จึงได้ไปลงเรียน และได้รู้จักกับพี่เบิร์ดในตอนนั้นเพราะอาจารย์ที่สอนหนูเล่าให้ฟังอยู่บ่อยๆ คะ ที่มาเข้าร่วมเวิร์คชอปวันนี้เพราะอยากไป Carnegie Hall ค่ะ เคยได้ยินชื่อนี้มานานแล้ว รู้สึกว่ามันเจ๋งก็อยากลองไปดูสักครั้ง ถ้าได้ไปมันคงฟินมากค่ะ อยากรู้ว่ามันเป็นยังไง ก่อนหน้านี้คิดเสมอว่าเราเรียนสายนิเทศสาสตร์มาเราจะไปสายดนตรีได้หรอ แต่พอได้ฟังพี่ๆ เค้าพูดแล้ว ก็คิดว่ามันก็เป็นไปได้นะ ทุกอย่างอยู่ที่เรา เหมือนเป็นการเติมไฟฝันทางสายดนตรีของเราขึ้นอีก"
แม็ก - นดย. สุรเดช คำผานุรัตน์ นักเรียนดุริยางค์ โรงเรียนดุริยางค์กองทัพบก กรมดุริยางค์ทหารบก อายุ 20 ปี กล่าวว่า "โครงการ Sangsom Road to Carnegie Hall เป็นการสร้างโอกาสอันดีให้แก่ นักศึกษา ประชาชนทั่วไป ให้ได้มีโอกาสได้พบปะพูดคุยกับนักดนตรีระดับโลกอย่างใกล้ชิด และยังได้เทคนิคพิเศษมากมายที่ถ่ายทอดให้ด้วย โดยส่วนตัวผมมีความฝันว่าอยากเป็นครูสอนดนตรี ซึ่งแม้ช่วงนี้จะมีการเรียนหนักจนไม่มีเวลาซ้อมเพิ่ม แต่พอมาได้ฟังพี่เบิร์ดเล่าความยากลำบากของตัวเองที่ผ่านมาแล้ว ก็คิดว่าเราควรซ้อมอีกเรื่อยๆ สำหรับ Carnegie Hall ผมก็เพิ่งรู้จักจากโครงการนี้ครับ แต่พอได้ยินแล้วก็รู้สึกว่าอยากไป อยากสัมผัสซักครั้งหนึ่งว่าจะเป็นยังไงซึ่งน่าจะเป็นประสบการณ์ที่ดีมากเลยทีเดียว"
จั๊กจั่น – สิบโทหญิง จันทร์จิรา มงคลสกุลกิจ นักดนตรีประจำหมวดดนตรีสากล กรมดุริยางค์ทหารบก อายุ22 ปี กล่าวว่า "โดยส่วนตัวชอบเล่นคลาริเน็ตมากเพราะว่าเป็นเครื่องดนตรีสากลที่พกพาได้ ให้เสียงที่อบอุ่นและรู้สึกว่ามีเสน่ห์มากกว่าเครื่องดนตรีชนิดอื่น ซึ่งมีโอกาสได้เล่นคลาริเน็ตตั้งแต่ตอน 9 ขวบ จากวงโยธวาทิตที่โรงเรียน สำหรับ Carnegie Hall เราก็รู้จักมานานแล้วเพราะนักดนตรีส่วนมากก็มีความฝันที่จะได้ไปเหยียบที่นั่นซักครั้ง ส่วนตัวไม่เคยคิดว่าวันนึงจะมีโอกาสได้ไปเล่น แค่มีโอกาสได้ไปนั่งชมก็ดีใจมากแล้ว อย่างที่พี่เบิร์ดบอกว่า การแข่งขันเป็นเสมือนการบังคับตัวเองทางอ้อมให้เรามีวินัยมากขึ้น ซึ่งระหว่างได้ฟังก็คิดว่าการเข้าร่วมโครงการนี้น่าจะเป็นโอกาสอันดีให้เราได้เริ่มฝึกซ้อม สำหรับใครที่มีฝันด้านดนตรีก็อยากให้ซ้อมกันบ่อยๆ เหมือนที่พี่ๆ เขาบอกแหละคะ น่าจะเป็นเส้นทางที่น่าจะเห็นผลที่สุด ซึ่งใครได้เป็นผู้โชคดีในครั้งนี้ จะได้มีโอกาสไปหลังเวทีด้วย ซึ่งบอกตรงๆ ว่าหนูอยากไปมากๆ และจะกลับบ้านไปซ้อม ซ้อม ซ้อม อย่างแน่นอนคะ (หัวเราะ)"
มาย – นางสาวชวิศา ลี นิสิตคณะมนุษยศาสตร์ สาขาดนตรีตะวันตก มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อายุ 21 ปีกล่าวว่า "มายเริ่มเล่นPercussion piano มาตั้งแต่อายุ 12 ตอนอยู่ประถม 6 ทุกครั้งที่ได้เล่นจะมีความสุขเสมอ จึงเล่นต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันและตัดสินใจเรียนต่อทางด้านนี้ โดยส่วนตัวเคยได้ยินชื่อพี่เบิร์ด และรู้จัก Carnegie Hall มาบ้าง ซึ่งพอได้มาฟังก็รู้สึกได้รับแรงบันดาลใจ รู้สึกว่ายังมีอะไรอีกมากมายที่เราไม่รู้ มีเส้นทางใหม่ๆ ที่เรา หรือแม้แต่ใครๆ ก็สามารถฝ่าไปได้ ไปเป็นที่ 1 ของโลกได้ ด้วยการ ซ้อม ซ้อมและซ้อม ซึ่งเพื่อนที่มีใจรักดนตรีทุกคนน่าจะลองเข้ามาร่วมโครงการครั้งนี้ และมีความสุขไปกับดนตรี มายเชื่อว่าดนตรีจะพาไปพบสิ่งดีๆเสมอค่ะ"
นน – นาย ชานน มีแสงนิล นิสิตคณะมนุษยศาสตร์ สาขาดนตรีตะวันตก มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อายุ 20ปีกล่าวว่า "เครื่องดนตรีสากลที่ผมเล่นมีไวโอลิน และเปียโน ครับเพราะเป็นคนชอบฟังเพลงคลาสสิกพอฟังไปก็เลยอยากเล่นได้จึงตัดสินใจไปเรียนครับ ตอนนั้นอายุ 14 ปี ครับ ทำให้รู้จัก Carnegie Hall ไปโดยปริยาย เพราะวงออเครสตร้าส่วนใหญ่ที่ฟังจะเล่นที่นี่ สำหรับพี่เบิร์ดเอง ผมได้เห็นทางทีวีอยู่บ่อยครั้ง จึงพอรู้ประวัติของพี่เขาซึ่งเป็นคนที่เก่งมากเลยนะครับ อย่างในการพูดครั้งนี้ก็สามารถสร้างแรงบันดาลใจในการซ้อมและวิธีให้กำลังใจเพื่อพัฒนาตัวเองกับพวกเราได้เป็นอย่างดี ดังนั้นเพื่อนๆ คนไหนที่มีฝันก็อยากให้ลองทำตามฝันดูนะครับ ถ้าผิดหวังก็อย่ายอมแพ้ ให้นำความผิดหวังมาเป็นแรงผลักดันให้เราก้าวต่อไป"
"เบิร์ดเชื่อว่าโครงการนี้จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้แก่น้องๆ ที่มีใจรักดนตรีทุกคน การได้ไปเยือน Carnegie Hall ในฐานะผู้ชมและประสบการณ์สุดพิเศษครั้งนี้ จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้น้องกลับไปอีกครั้งในฐานะคนแสดงแน่นอน ผมเชื่อแบบนั้น" เบิร์ด – เอกชัย เจียรกุล กล่าวทิ้งท้าย
แล้วคุณพร้อมรึยัง?!! ที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ที่หาซื้อไม่ได้ "Money Can't Buy Experience" ร่วมชมการแสดงคอนเสิร์ตบรรเลงกีตาร์คลาสสิกโดย เบิร์ด เอกชัย เจียรกุล ณ Carnegie Hall ที่มหานครนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา สถานที่อันทรงเกียรติที่ศิลปินหลายท่านใฝ่ฝันถึงและกว่าจะไปถึงจุดนั้นได้ ต้อง ซ้อม ซ้อม และก็ซ้อม เริ่มค้นหาตัวตน คิดค้นท่วงทำนองในแบบของตัวเองได้แล้ว โดยสามารถอัพโหลดใบสมัครได้ที่ www.thesangsom.com/roadtocarnegie กรอกข้อมูลครบถ้วน พร้อมหลักฐานการสมัครและ Link วิดีโอผลงานมายัง [email protected] #SangSomเชื่อว่า "คนไทย...ตั้งใจทำอะไรไม่แพ้ชาติใดในโลก"