มท.1 ชื่นชมนโยบายที่กทม.กำลังดำเนินการอยู่

ศุกร์ ๑๓ พฤษภาคม ๒๐๐๕ ๑๔:๕๑
กรุงเทพฯ--13 พ.ค.--กทม.
เมื่อวันที่ 10 พ.ค. 48 เวลา 15.30 น. ที่ผ่านมา พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายเสริมศักดิ์ พงษ์พาณิชย์ และนายสมชาย สุนทรวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นำคณะเข้าตรวจเยี่ยมกรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งมอบนโยบายการปฏิบัติราชการ โดยมีนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหาร กทม. ร่วมให้การต้อนรับ ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร
เปลี่ยนมติครม.ให้กทม.ดำเนินการโครงสร้างส่วนต่อขยายบีทีเอส
ในการตรวจเยี่ยมกทม.ครั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีมหาดไทย ได้รับฟังการบรรยายสรุปการดำเนินงานที่สำคัญในด้านต่างๆ ของกทม. ได้แก่ การจราจรและขนส่ง คือ โครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานครส่วนต่อขยาย ซึ่งความคืบหน้าขณะนี้กรุงเทพมหานครได้ดำเนินการประกวดราคาส่วนต่อขยาย 2 เส้นทาง คือสายสุขุมวิท ระยะทาง 8.9 กม. จากสถานีอ่อนนุช-สำโรง ประกอบด้วยโครงสร้างทางยกระดับ สถานีวางราง และอู่จอดรถ โดยแบ่งการประกวดราคาออกเป็นสองตอน คือ ตอนที่ 1 จากสถานีอ่อนนุช-ซอยสุขุมวิท 107 ระยะทาง 5.25 กม. ตอนที่ 2 จากซอยสุขุมวิท 107-ซอบสุขุมวิท 119 ระยะทาง 3.65 กม. และสายสีลม ระยะทาง 2.2 กม. จากสถานีตากสิน-ถนนตากสิน ประกอบด้วยงานสถานีและงานวางราง กรุงเทพมหานครได้เปิดซองประกวดราคาไปเมื่อวันที่ 27 เม.ย.48 ผู้เสนอราคาต่ำสุดคือ เส้นทางสายสุขุมวิทตอนที่ 1และ2 บมจ.อิตาเลี่ยนไทย เส้นทางสายสีลม บริษัทชิโน-ไทย-เอเอส โดยขอรับการสนับสนุนจากกระทรวงมหาดไทยในการเปลี่ยนมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 29 ก.พ.43 ที่อนุมัติให้กทม.จัดหา ผู้ลงทุนโครงการตาม พรบ.ว่าด้วยการให้เอกชนร่วมงาน พ.ศ.2535 ในรูปแบบเอกชนลงทุน 100% เป็นการอนุมัติให้กทม.เป็นผู้ดำเนินการโครงสร้างพื้นฐาน(งานโยธา) และให้เอกชนดำเนินการงานระบบไฟฟ้า เครื่องกล และการเดินรถไฟฟ้า อีกทั้งยังขอรับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลในสัดส่วน รัฐบาล : กทม. 50 : 50 และให้เห็นชอบโครงการระบบขนส่งมวลชนกทม.ส่วนต่อขยายทั้ง 2 เส้นทาง เพื่อกทม.จะได้เร่งดำเนินการตอบสนองความต้องการเดินทางของพี่น้องประชาชนฝั่งธนบุรี โดยเฉพาะผู้ใช้รถใช้ถนนที่ต้องข้ามสะพานตากสิน และเป็นการแก้ปัญหาจราจรในระยะยาวเพราะประชาชนมีทางเลือกในการเดินทางมากขึ้น ซึ่งในเรื่องนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้รับไว้และรับปากว่าจะนำเรื่องดังกล่าวไปทำความเข้าใจในโครงการและพิจารณาอย่างจริงจังให้เกิดความชัดเจนว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร
คนกรุงมั่นใจได้ กทม.ก้าวหน้าแก้ปัญหาน้ำท่วม
ปัจจุบันกทม.ได้เตรียมความพร้อมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วม โดยล้างทำความสะอาดท่อระบายน้ำ 3,700 กม. ขณะนี้ทำได้ 60% พร้อมทั้งมีการเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำ โดยเพิ่มจำนวนเครื่องสูบน้ำจากปี 2547 จำนวน 1,322 เครื่อง เพิ่มเป็น 1,436 เครื่อง สามารถสูบน้ำได้ 1,709 ลบ.ม./วินาที เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 13.78% ขณะเดียวกันก็ขุดขยายพื้นที่บึงรับน้ำ(แก้มลิง) ให้สามารถรับน้ำได้ 12 ล้าน ลบ.ม. จากปีก่อนรับได้ 10 ล้าน ลบ.ม. ในส่วนจุดอ่อนน้ำท่วม 14 จุด นั้น ได้มีการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดตลอดหน้าฝน โดยเตรียมความพร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ วัสดุอุปกรณ์ เครื่องสูบน้ำ เครื่องปั่นไป และหน่วยบริการเร่งด่วน กทม. (BEST) พร้อมจะเข้าไปแก้ในทันที ทั้งนี้ กทม.มีศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ให้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสภาพอากาศ และประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมอุตุนิยมวิทยา การไฟฟ้านครหลวง มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง โทร.0 2246 0317-9 ตลอดจนการติดตามเฝ้าระวังโดยใช้สัญญาณภาพจากกล้อง CCTV และให้บริการตรวจสภาพการจราจรและน้ำท่วมผ่าน www.bma.go.th
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวด้วยว่า ในปีนี้ชาวกรุงเทพฯจะมั่นใจได้ยิ่งขึ้นในความพร้อมด้านการแก้ปัญหาน้ำท่วม ของกทม. กรณีปริมาณน้ำฝนไม่เกิน 60 มม. สามารถระบายน้ำได้เร็วโดยไม่มีน้ำท่วมขัง แต่ถ้าฝนตกหนักเกิน 60 มม. นานกว่า 1 ชั่วโมงติดต่อกันจะต้องใช้เวลาในการระบาย แต่น้ำจะขังไม่เกิน 10 มม. อย่างไรก็ดี กทม.ได้ขอรับการสนับสนุนจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยขอความร่วมมือตำรวจจราจรอำนวยความสะดวก พร้อมขอให้สั่งการหน่วยงานสาธารณูปโภคหลีกเลี่ยง การดำเนินงานที่จะกีดขวางและอุดตันทางน้ำไหล
มท.1 ชื่นชมนโยบายลดปริมาณขยะเดินถูกทาง
กทม.มีเป้าหมายในการลดขยะมูลฝอยให้ได้ 10% ต่อปี โดยใช้แนวคิด 3R คือ ส่งเสริมให้มีการลดการบริโภค(Reduce) และลดการใช้เพื่อลดปริมาณมูลฝอยให้ใช้เท่าที่จำเป็น(Reuse) การนำมาใช้ซ้ำและบริจาคของเหลือใช้จากต้นทาง และการแยกทิ้งขยะ (Recycle)โดยกลับมาแปรรูปเพื่อใช้ใหม่ พร้อมกันนี้ได้จัดตั้งหน่วยงานต่างๆ มารองรับ ได้แก่ ศูนย์บริหารการลดปริมาณมูลฝอยชุมชน สถานีรับมูลฝอยรีไซเคิลรายย่อยแบบครบวงจร และจัดกิจกรรมส่งเสริมการคัดแยกขยะรีไซเคิลอย่างต่อเนื่อง เช่น ตลาดนัดขยะชุมชน เปิดตลาดนัดขยะในตลาดนัดกทม. 3 แห่ง คือ จตุจักร มีนบุรี และธนบุรี ตลอดจนการจัดทอดผ้าป่าขยะรีไซเคิล การแปรรูปขยะเป็นปุ๋ย ฯลฯ ซึ่งได้รับการตอบรับจากประชาชนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนขณะนี้สามารถลดปริมาณขยะได้ 10.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน
ทั้งนี้ กทม.ได้ของรับการสนับสนุนงบประมาณจากส่วนกลางในการกำจัดขยะ เนื่องจากมีประชากรแฝงจากปริมณฑลและต่างจังหวัดมาใช้บริการในพื้นที่ กทม.เป็นจำนวนกว่า 3 ล้านคน และขอความร่วมมือราชการส่วนท้องถิ่นทำความเข้าใจกับประชาชน บริเวณที่ฝังกลบมูลฝอยของ กทม. และขอความร่วมมือภาคธุรกิจในการควบคุมบรรจุภัณฑ์ อย่างไรก็ดี รมว.มหาดไทย ได้ชื่นชมความสำเร็จในการรณรงค์ลดขยะมูลฝอยของกทม. แต่ตั้งข้อสังเกตการกำจัดมูลฝอยโดยการฝังกลบนับวันจะมีปัญหามากขึ้น จึงขอให้กทม.วางแผนที่จะจัดการปัญหาขยะในอนาคต พร้อมฝากให้กทม.ดูแลเรื่องการเลือกปลูกต้นไม้ที่เหมาะกับสภาพของเมืองด้วย
นอกจากนั้นยังมีการนำเสนอประเด็นต่างๆที่ขอรับการสนับสนุนจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย คือ การจัดระเบียบทางเท้าและอาคารสถานที่ ซึ่งรวมถึง ตู้โทรศัพท์ สายไฟ สายโทรศัพท์ ป้อมตำรวจ รวมทั้งป้ายโฆษณาต่างๆ โดยให้มีการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้โดยตรง รวมถึงการจัดระเบียบหาบเร่แผงลอย การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และการรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชน
ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ให้ข้อเสนอแนะกทม.ในการดำเนินการตามมาตรการประหยัดพลังงาน โดยให้ลดการใช้พลังงานโดยเฉพาะพลังงานไฟฟ้าให้ได้อย่างน้อย 10% และกำชับให้กทม.ดำเนินการด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดให้มีความต่อเนื่อง การมีระบบการรักษาความปลอดภัยที่ดี รวมถึงเรื่องสินค้าหนึ่งชุมชนหนึ่งผลิตภัณฑ์ซึ่งกรุงเทพมหานครมีความพร้อมอยู่แล้ว ให้มีการส่งเสริมให้เป็นสินค้าที่สามารถทำรายได้แก่ประชาชนได้--จบ--

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ