พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.1)กล่าวว่า จากการติดตามสภาพอากาศพบว่า พายุหว่ามก๋อได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ ทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกมีฝนตกเป็นบริเวณกว้างกับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่งผลให้หลายพื้นที่ประสบสถานการณ์อุทกภัย
โดยตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน 2558 – ปัจจุบัน มีพื้นที่ประสบภัย 5 จังหวัด 8 อำเภอ 14 ตำบล ซึ่งนายกรัฐมนตรีห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ฝนตกหนัก จึงได้สั่งกำชับให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยประสานจังหวัดในพื้นที่ประสบภัยเร่งปฏิบัติการแก้ไขปัญหา โดยจัดเจ้าหน้าที่ชุดเคลื่อนที่เร็วพร้อมเครื่องจักรกล
ด้านสาธารณภัยปฏิบัติการเผชิญเหตุ ช่วยเหลืออำนวยความสะดวกในการเดินทางและขนย้ายสิ่งของไปยังพื้นที่ปลอดภัย รวมถึงติดตั้งเครื่องสูบน้ำเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ลุ่มต่ำและพื้นผิวการจราจร ส่วนจังหวัดที่สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย
ให้จัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบและสำรวจความเสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ตลอดจนประสานซ่อมแซมสาธารณูปโภคและสิ่งสาธารณประโยชน์ให้สามารถใช้งานได้ตามปกติโดยเร็ว ที่สำคัญ ให้ชี้แจง
สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการเตรียมพร้อมรับมือและช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย เพื่อสร้างความมั่นใจในการดูแลความปลอดภัยของประชาชนอย่างรวดเร็ว ทั่วถึง และเป็นธรรม
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ฝนตกหนักของอิทธิพลพายุหว่ามก๋อ ทำให้มีพื้นที่ประสบสถานการณ์อุทกภัย 5 จังหวัด 8 อำเภอ 14 ตำบล ได้แก่ ตาก จันทบุรี สุรินทร์ ศรีสะเกษ และชลบุรี ซึ่งขณะนี้สถานการณ์เริ่มคลี่คลายแล้ว มีเพียงจังหวัดชลบุรีที่ยังประสบปัญหาน้ำท่วมชุมชนในพื้นที่ลุ่มต่ำ และอยู่ระหว่างการเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ดังกล่าว ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ร่วมกับหน่วยทหารและเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมสรรพกำลังพร้อมวัสดุอุปกรณ์และเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยออกปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์และให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยด่วนแล้ว อย่างไรก็ตาม
ในช่วงวันที่ 17 – 18 กันยายน 2558 หลายพื้นที่ยังมีฝนตกหนักจากอิทธิพลของพายุหว่ามก๋อ ขอให้ประชาชนติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศแจ้งเตือนภัย พร้อมปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
0-2243-0674 0-2243-2200 www.disaster.go.th