My Cloud OS 3 ของ WD มีอินเทอร์เฟซผู้ใช้ที่เข้าใจได้ง่าย มอบประสบการณ์การแชร์คอนเทนต์ที่หลากหลาย และความสามารถในการสำรองข้อมูลและการซิงค์ ที่จะยกระดับการนำเสนอระบบจัดเก็บข้อมูลบนเครือข่าย (NAS) ไว้บนคลาวด์ส่วนบุคคล ขณะเดียวกันก็ยังสามารถรักษาความเป็นส่วนตัว และควบคุมลักษณะเฉพาะของอุปกรณ์คลาวด์ส่วนบุคคลซึ่งตั้งอยู่ในบ้านหรือสำนักงานได้
จิม เวลช์ รองประธานฝ่ายบริหารและผู้จัดการทั่วไปธุรกิจ Content Solutions ของ WD กล่าวว่า "เราทราบดีว่าลูกค้าระบบคลาวด์ส่วนบุคคลของเราให้คุณค่าสูงสุดกับเนื้อหาข้อมูลส่วนบุคคลของพวกเขา และวางใจกับการที่ได้สำรองข้อมูลจากเครื่องพีซี สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตไว้บนระบบ My Cloud และทำการรวมศูนย์เนื้อหาของพวกเขาไว้บนระบบนี้" พร้อมกล่าวเพิ่มเติมว่า "ลูกค้าบอกกับเราว่า พวกเขามั่นใจในเรื่องของความเป็นส่วนตัว การควบคุม และการเข้าถึงได้จากทุกที่ที่เราได้มอบให้ด้วย My Cloud OS ของเรา และปัจจุบันนี้ ด้วยการยกระดับเป็น My Cloud OS 3 เราก็ได้ช่วยดำเนินการบริหารจัดการชีวิตดิจิตอลของลูกค้าให้ง่ายดายขึ้นกว่าที่เคยเป็น"
My Cloud OS 3 ได้เพิ่มขีดความสามารถด้านรูปภาพและวิดีโอแบบใหม่ที่ทรงพลังสองประการ ผ่านประสบการณ์ผู้ใช้รายใหม่ ซึ่งได้แก่ MyCloud.com และแอพพลิเคชั่น My Cloud Albums โดย MyCloud.com จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึง My Cloud ของตนเองได้ทั่วโลกผ่านส่วนต่อประสานผู้ใช้ที่ทำงานบนเว็บเบราว์เซอร์ที่เข้าใจได้ง่าย และความสามารถในการรวมไฟล์ การจัดการการเข้าถึงแบบครอบคลุม รวมถึงการดูแกลเลอรี่รูปภาพและวิดีโอ ขณะที่แอพ My Cloud Albums ก็จะพร้อมให้ดาวน์โหลดในช่วงปลายเดือนกันยายนนี้บน iTunes และร้านค้า Google Play จึงช่วยให้ผู้ใช้ My Cloud OS 3 สามารถส่งลิงก์ไปยังตำแหน่งที่ตั้งทั่วไป หรือ "อัลบั้ม" บน My Cloud ให้กับบรรดาเพื่อนฝูงและครอบครัวได้
คุณสมบัติ WD Sync™ ใหม่ของ My Cloud OS 3 จะทำการซิงค์ข้อมูลผ่านเครื่องพีซีและโน้ตบุ๊คได้หลายเครื่อง จึงช่วยรับประกันได้ว่าไฟล์ที่สำคัญๆ จะได้รับการอัพเดต และพร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้จากอุปกรณ์แทบทุกเครื่อง คุณสมบัติใหม่นี้ยังอนุญาตให้ผู้ใช้ตั้งค่าการสำรองข้อมูลรูปภาพในม้วนฟิล์มจากสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตได้โดยอัตโนมัติ และนำเสนอเครื่องมือในการถ่ายโอนใหม่ที่จะทำให้ผู้ใช้สามารถย้ายไฟล์ไปยังอุปกรณ์ My Cloud ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย นอกจากนี้แล้ว OS ยังมีการสนับสนุน Chromebook และ Chromecast อีกด้วย
ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของการเปิดตัว My Cloud OS 3 ทาง WD จึงได้แนะนำ My Cloud Device SDK และ My Cloud API ที่จะช่วยบรรดานักพัฒนาในการสร้างส่วนขยาย คุณสมบัติ และความสามารถใหม่ๆ ภายในระบบอีโคซิสเต็มของอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ส่วนบุคคล My Cloud ขณะที่ My Cloud Cloud Device SDK ซึ่งทำงานด้วยเทคโนโลยี Docker™ ที่เป็นแพลตฟอร์มแบบเปิดจะช่วยรับรองได้ว่า นักพัฒนาจะสามารถเข้าถึงและประสานงานได้อย่างง่ายดายเพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานแบบกำหนดเองได้ โดยทั้งนี้ บรรดาพันธมิตรได้ทำการพัฒนาส่วนขยายและคุณสมบัติใหม่ๆ ที่ทำงานบน SDK ใหม่ ซึ่งรวมถึงและ Plex และ Milestone เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
และนอกเหนือจากการอัพเกรดซอฟต์แวร์ใหม่แล้ว WD ยังได้แนะนำ My Cloud Mirror อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ส่วนบุคคลรุ่นใหม่ ซึ่งประกอบด้วยฮาร์ดไดรฟ์สองยูนิตที่ตั้งค่าไว้ให้เป็นโหมด Mirror (RAID 1) ที่จะสร้างความมั่นใจได้ว่าคอนเทนต์ต่างๆ จะได้รับการจัดเก็บไว้บนไดรฟ์ยูนิตที่หนึ่ง และจะทำสำเนาโดยอัตโนมัติไปยังไดรฟ์ยูนิตที่สอง อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ส่วนบุคคล My Cloud Mirror นี้ ยังมีคุณสมบัติใหม่ๆ ที่ได้รับการเปิดเผยสำหรับ My Cloud OS 3 และตัวประมวลผลที่ได้รับการปรับปรุงแล้ว รวมไปถึง RAM ขนาด 512 MB เพื่อการถ่ายโอนไฟล์ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และการสนับสนุนการใช้งาน
ราคาและการวางจำหน่าย
WD My Cloud OS 3 พร้อมให้ดาวน์โหลดใช้งานฟรีประมาณช่วงปลายเดือนกันยายนนี้บนอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบคลาวด์ส่วนบุคคลในตระกูล My Cloud รุ่นที่ซัพพอร์ต OS 3 ใหม่ ได้แก่ My Cloud, My Cloud Mirror, My Cloud Expert Series EX2/EX4, My Cloud Expert Series EX2100/EX4100 และ My Cloud Business Series DL2100/DL4100 นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถดาวน์โหลด แอพพลิเคชั่นบนมือถือของ My Cloud บน iTunes และ Google Play ผลิตภัณฑ์ตระกูล My Cloud มีจัดจำหน่ายผ่านร้านค้าตัวแทนที่ได้รับการแต่งตั้งในเมืองไทย (SiS / EA / Synnex) ส่วนการใช้งาน My Cloud Device SDK และ My Cloud API จะมีให้นักพัฒนาที่สนใจใช้งานในช่วงปลายเดือนกันยายนนี้
สำหรับราคาแนะนำของ My Cloud Mirror ความจุ 4 TB อยู่ที่ 11,500 บาท, 6 TB ราคา 14,500 บาท และ 8 TB อยู่ที่ 18,500 บาท โดยจะเปิดให้สั่งจองสินค้าผ่านทางตัวแทนจำหน่ายเริ่มตั้งแต่วันที่ 30 กันยายนนี้