คุณเรืองกิจ จึงทวีศิลป์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวิลด์คาเมร่า กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ปีนี้ บริษัทมีแผนการดำเนินงานมุ่งเน้นจุดแข็งในเรื่องของพนักงานที่มีความรู้ และคุณภาพการให้บริการที่ดีแก่ลูกค้า พร้อมเพิ่มงบกว่า 110 ล้านบาท สูงสุดตั้งแต่เข้าสู่ธุรกิจค้าปลีก ในการขยายสาขามากถึง 7 สาขา แต่ละสาขาลงทุนร่วม 10 ล้านบาท และล่าสุดกับสาขาแฟล็กชิฟ เป็นร้านเดี่ยวไม่ต้องตั้งอยู่ในศูนย์การค้าและเป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดของบริษัท ใช้ชื่อ "เวิลด์คาเมร่า เซ็นเตอร์ @ ลาดพร้าว" ด้วยพื้นที่กว่า 900 ตารางเมตร ลงทุนกว่า50 ล้านบาท เพื่อเป็นสาขา สแตนด์อะโลน เปิดให้บริการแบบครบวงจรสำหรับลูกค้าทุกกลุ่ม ส่วนสาขาอื่นๆ ที่เปิดไปแล้ว เช่น แฟชั่นไอส์แลนด์, ฮาเบิร์ล มอลล์ ชลบุรี และ เดอะ สตรีท ส่งผลให้ สิ้นปีนี้จะมีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 36 สาขา และจะขยายสาขาต่อไปปีละ 5สาขา ทั้งรูปแบบโปรเฟสชั่นนัล ขนาด 100 ตร.ม. และสาขาทั่วไป ใช้งบลงทุนต่อสาขา 10 ล้านบาท โดยตั้งเป้าขยายให้ครบ 50 สาขาทั่วประเทศ ภายใน 3-5 ปี
ซึ่งมั่นใจปีนี้จะมียอดโต 20% สวนตลาดกล้องติดลบ โดยตั้งเป้ายอดขาย 1,800 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน มียอดขาย 1,368ล้านบาท เป็นผลมาจากการขยายสาขาและคาดการเติบโตในปี 2559 จะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 2,070 ล้านบาท เติบโต 15% ในส่วนของ 9เดือนที่ผ่านมายังพบว่า มียอดขายที่เติบโตสูงกว่าตลาด หรือใน 3 กลุ่ม มีสัดส่วนรายได้ดังนี้ 1. กล้องคอมแพกต์ 10% กล้องมิลเลอร์เลนส์ 20% และกล้อง DSLR 70% เนื่องจากจุดแข็งในการเป็นเชนร้านกล้องระดับโปรเฟสชันนอล แม้ภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อจะซบเซาส่งผลกระทบตลาดรวมกล้องถ่ายภาพชะลอตัวก็ตาม โดยตลาดกล้องคอมแพคสัดส่วน 20-30% ของตลาดรวม หดตัว 20% และคาดว่าตลาดจะหดตัวลงอีก 5% นอกจากนี้ บริษัทมีแผนพัฒนาช่องทางขายออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ของตัวเอง ซึ่งจะเปิดให้บริการแบบครบวงจร ทั้งการให้ข้อมูล ซื้อขาย และบริการหลังการขายต่างๆ เริ่มตั้งแต่ปลายปีนี้เป็นต้นไป ถือเป็นจุดแข็งที่จะช่วยให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าต่างจังหวัดได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้จากข้อมูลของทาง จีเอฟเค ตั้งแต่ม.ค.-ก.ย. ที่ผ่านมา ตลาดกล้องแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก คือ 1. กล้องคอมแพกต์ 20% 2.มิลเลอร์เลนส์ 40% และ 3. DSLR 40% โดยกลุ่มกล้องมิลเลอร์เลนส์โตสุด 100% ในแง่จำนวน ส่วนราคามีการปรับลงเฉลี่ย 30% ส่วนกล้อง DSLR ลดลง 36% จากเศรษฐกิจชะลอตัว และกล้องคอมแพกต์ ลดลง 20% ซึ่งมองว่าในส่วนของกล้อง คอมแพกต์ ตลาดระดับกลางจะหายไป แต่กลุ่มล่างราคา 1,000-2,000 บาท ยังคงอยู่สำหรับกลุ่มลูกค้าที่เข้าไม่ถึงสมาร์ทโฟน และกลุ่มบน ดังนั้น กล้องคอมแพกต์จะไม่หายไปในตลาด แต่จะขยับสัดส่วนลดลงทีละน้อย และน่าจะคงที่ที่สัดส่วน 15% ของตลาด โดยมิลเลอร์เลนส์จะกลายเป็นตลาดหลักในอนาคต จากราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น