ปรากฏการณ์นุ่งผ้าซิ่น สวมผ้าไทย ที่เกิดขึ้น ณ มรภ.สงขลา คงต้องยกความดีให้กับ อ.มณี อินทพันธ์ โปรแกรมวิชาภาษาต่างประเทศ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ในฐานะผู้จุดประกายเริ่มแรกกับโครงการนุ่งซิ่น แลเมือง ซึ่งนำนักศึกษาในโปรแกรมฯ ร่วม 50 ชีวิต นุ่งซิ่นผืนสวยไปเดินเยี่ยมชมสถาปัตยกรรมบริเวณถนนนครนอก นครใน และถนนนางงาม พร้อมทั้งสักการะศาลเจ้าพ่อหลักเมืองและโรงงิ้ว สถานที่สำคัญของเมืองสงขลา อันเป็นการส่งเสริมทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม พร้อมทั้งปลูกฝังรากฐานทางจิตใจที่ดีงามให้แก่นักศึกษาปี 1 ที่มาจากต่างที่ต่างถิ่น ได้เรียนรู้วิถีชีวิตของคนในชุมชน
อ.มณี เท้าความถึงที่มาของโครงการ นุ่งซิ่น แลเมือง ว่า มีโอกาสได้ไปร่วมโครงการอบรมภาษาที่ประเทศลาว ซึ่งเป็นการไปเพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดประเทศสู่อาเซียน สิ่งที่ได้จากการอบรมคือการเขียน การอ่าน การแปลภาษาลาว ทำให้ตระหนักถึงรากเหง้าทางวัฒนธรรม ดังคำกล่าวที่ว่า ลาวกับไทยคือพี่น้องกัน เรามีประวัติศาสตร์บางส่วนร่วมกันอยู่ จึงนึกย้อนถึงวิถีชีวิตของบรรพบุรุษว่าช่างงดงามและมีคุณค่า ควรแก่การศึกษาเรียนรู้ เพื่อลูกหลานจะได้ไม่ลืมภูมิหลังของชนชาติตนเอง
"อยากให้นักศึกษาที่เรียนภาษาอังกฤษเข้าใจว่า การที่เราเรียนภาษาและวัฒนธรรมของชาติอื่นไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องปฏิบัติตัวแบบเดียวกัน หรือเราต้องคิดเหมือนเขา เราแค่เรียนรู้และทำความเข้าใจว่าที่เขาประพฤติปฏิบัติแบบนั้นเพราะมีเหตุผลอะไรมาสนับสนุน โดยที่เราต้องไม่ลืมรากเหง้าของตัวเอง เราเรียนภาษาเพราะต้องการจะสื่อสารกับชาวต่างชาติได้ แต่เราก็มีความภูมิใจในศิลปะและวัฒนธรรมของชาติเราเอง ซึ่งหลังจากเสร็จสิ้นโครงการ ก็จะให้นักศึกษากลับมาค้นคว้าต่อในภาคภาษาอังกฤษ เรื่องสงขลากับความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ ที่เคยเข้ามาติดต่อค้าขาย หรือมีอิทธิพลต่อเมืองสงขลา ทั้งทางด้านภาษาและเศรษฐกิจ พร้อมทั้งนำเสนอให้เพื่อนๆ ฟัง จากนั้นก็ทำโครงการนุ่งซิ่น ไม่นุ่งสั้น ทุกวันพุธ เริ่มตั้งแต่วันพุธที่ 2 กันยายน เป็นต้นมา"
ก่อนหน้านี้ อาจารย์มณี เคยทำโครงการนำนักศึกษาไปเรียนรู้วิถีชีวิตของประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย เมื่อปีที่แล้ว แต่ในเมื่อสงขลามี art street จึงอยากนำนักศึกษาไปเที่ยวชมบ้าง เพราะเห็นคนจากที่ต่างๆ มาถ่ายรูปแล้วโพสต์ลงเฟสกันสนุกสนาน แต่นักศึกษาเราบางคนมาเรียนที่นี่ 4 ปี ยังไม่เคยเข้าไปเที่ยวในตัวเมืองสงขลาด้วยซ้ำ จึงอยากพาเด็กๆ ไปเที่ยวชม ประกอบกับมีวิทยากรมือหนึ่งคือ อาจารย์นันทยา ศรีวารินทร์ จากโปรแกรมวิชาประวัติศาสตร์ ผู้สามารถทำให้ประวัติศาสตร์มีชีวิตได้ ทำหน้าที่บรรยายเกี่ยวกับสถานที่สำคัญๆ ของเมืองสงขลา
ด้านนักศึกษาผู้เข้าร่วมโครงการ อย่าง นายยูนุร โต๊ะหวัง หรือ "โต้" กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่ได้มีโอกาสไปเที่ยวชมย่านเมืองเก่าสงขลา จึงรู้สึกตื่นเต้นมาก ซึ่งพื้นเพของตนเป็นคน จ.พัทลุง เมื่อได้มาเรียนที่ มรภ.สงขลา ก็อยากจะรู้จัก จ.สงขลา ให้มากขึ้น ดังนั้น การได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมนุ่งซิ่น แลเมือง เล่าเรื่อง เมืองเก่า จึงถือเป็นโอกาสดีที่จะได้รู้ถึงความเป็นมาที่น่าสนใจของย่านเมืองเก่าสงขลา
ขณะที่ น.ส.สุทธิพร หนูวุ่น หรือ "กิ๊บ" กล่าวบ้างว่า รู้สึกดีใจมากที่ได้เกิดเป็นคนสงขลา ดินแดนเก่าแก่ที่มีวัฒนธรรมงดงาม และภูมิใจที่คุณตาคุณยายยังคงรักษาเมืองเก่าให้คนรุ่นหลังได้เยี่ยมชม ซึ่งแม้ตนจะเป็นคน จ.สงขลา แต่ก็รู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้เห็นวัฒนธรรมต่างๆ ของย่านเมืองเก่า ดังนั้น จึงอยากฝากให้คนรุ่นหลังช่วยกันธำรงรักษาสิ่งที่ดีงามเหล่านี้เอาไว้จนชั่วลูกชั่วหลาน
ไม่เพียงเท่านั้น อ.มณี ยังได้นำนักศึกษานุ่งผ้าซิ่นชมงานศิลปะ ในนิทรรศการอาร์ตริมวัง ครั้งที่ 2 "ไม่มีความทุกข์...ในงานศิลปะ" นิทรรศการภาพวาดจิตกรรม สะท้อนถึงเรื่องราวชีวิต การเมือง สัจธรรม โดย อ.กชกร ริมวังตระกูล ศิลปินชาว จ.ปัตตานี ณ PSU Art Gallery ศูนย์ส่งเสริมศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ โดยกิจกรรมในครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก อ.กชกร ริมวังตระกูล เจ้าของนิทรรศการนำชมผลงานและพูดคุยกับคณะผู้เยี่ยมชมด้วยตนเอง ซึ่ง อ.มณี ไม่ลืมที่จะมอบผ้าซิ่นผืนสวยให้ อ.กชกร ไว้เป็นที่ระลึก
กระแสนุ่งผ้าซิ่น สวมผ้าไทย จะมาไวไปไว หรือคงอยู่ถาวรจนกลายเป็นวัฒนธรรมองค์กร ก็ด้วยความร่วมมือของชาว มรภ.สงขลา ผู้มีหัวใจรักษ์ความเป็นไทย และช่วยกันดำรงเอกลักษณ์ท้องถิ่นใต้ ผ่านเครื่องกายอันชวนมอง