นางบุษรา อึ๊งภากรณ์ ผู้อำนวยการบริหารสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า ในการพิจารณาข้อมูลสถิติของธุรกิจประกันชีวิต สมาคมจะพิจารณาแยกเป็น 2 กรณี คือ ประการแรกจะพิจารณาถึงขนาดของบริษัท และประการที่สอง จะพิจารณาถึงการขยายงานของบริษัท จากสถิติเบี้ยประกันชีวิตรับรวม ณ สิ้นเดือนสิงหาคม ของปี 2558 (1 มกราคม – 31 สิงหาคม 2558) ซึ่งสมาคมประกันชีวิตไทยได้รวบรวมจากบริษัทประกันชีวิตทุกบริษัท มีดังนี้
1. เบี้ยประกันชีวิตรับรวม มีทั้งสิ้น 346,422.00 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนในระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 4.61 บริษัทประกันชีวิตที่มีเบี้ยประกันชีวิตรับรวมสูงสุด หรือมีขนาดใหญ่สูงสุด 7 อันดับแรก คือ
อันดับที่ 1 บจ.เอ.ไอ.เอ. จำนวน 74,431.74 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 21.49
อันดับที่ 2 บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต จำนวน 58,547.54 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 16.90
อันดับที่ 3 บมจ.ไทยประกันชีวิต จำนวน 43,052.18 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 12.43
อันดับที่ 4 บมจ.ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต จำนวน 37,689.83 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 10.88
อันดับที่ 5 บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต จำนวน 35,747.19 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 10.32
อันดับที่ 6 บมจ.กรุงเทพประกันชีวิต จำนวน 29,366.59 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 8.48
อันดับที่ 7 บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต จำนวน 17,977.05 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 5.19
รวม 7 อันดับแรก ครองสัดส่วนการตลาดร้อยละ 85.69 และอีก 17 บริษัทที่เหลือครองสัดส่วนการตลาด ร้อยละ 14.31
2. เบี้ยประกันชีวิตรับรายใหม่ มีทั้งสิ้น 109,427.96 ล้านบาท เติบโตลดลงจากปีก่อนในระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 6.09 บริษัทประกันชีวิตที่มีเบี้ยประกันชีวิตรับรายใหม่สูงสุด หรือมีการขยายงานสูงสุด 7 อันดับแรก คือ
อันดับที่ 1 บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต จำนวน 24,857.15 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 22.72
อันดับที่ 2 บจ.เอ.ไอ.เอ. จำนวน 16,870.74 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 15.42
อันดับที่ 3 บมจ.ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต จำนวน 13,532.84 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 12.37
อันดับที่ 4 บมจ.กรุงไทย แอกซ่า ประกันชีวิต จำนวน 12,473.24 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 11.40
อันดับที่ 5 บมจ.ไทยประกันชีวิต จำนวน 11,345.53 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 10.37
อันดับที่ 6 บมจ.กรุงเทพประกันชีวิต จำนวน 6,185.51 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 5.65
อันดับที่ 7 บมจ.พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำนวน 5,186.41 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 4.74
ผู้อำนวยการบริหารสมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับเบี้ยประกันชีวิตรับปีต่อไปที่มีจำนวน 236,994.04 ล้านบาท อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.42 โดยมีอัตราความคงอยู่ร้อยละ 83 ถือว่าอยู่ในระดับที่ค่อนข้างดี แสดงถึงผู้เอาประกันชีวิตให้ความสำคัญต่อการประกันชีวิตตลอดมา รวมถึงบริษัทประกันชีวิตแต่ละบริษัทได้มีการพัฒนาแบบของผลิตภัณฑ์ออกมาแข่งขันกันอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นทางเลือกสำหรับผู้บริโภคที่จะได้รับประโยชน์สูงสุด สมาคมจึงมีข้อแนะนำสำหรับผู้ขอเอาประกันภัยที่ถือครองกรมธรรม์ประกันชีวิตอยู่แล้ว อย่าขอยกเลิกกรมธรรม์ฯ ก่อนครบกำหนดสัญญา หรือเวนคืนกรมธรรม์ฯ ฉบับเก่าเพื่อไปซื้อฉบับใหม่ มิฉะนั้นจะทำให้เกิดผลเสีย ดังนี้ 1) เงินเวนคืนที่ได้รับจะน้อยกว่าเบี้ยประกันภัยที่ชำระไปแล้ว โดยเฉพาะในปีแรกๆ ของการทำประกันชีวิต 2) การซื้อกรมธรรม์ฯ ฉบับใหม่ ผู้ขอเอาประกันภัยจะต้องชำระเบี้ยประกันภัยสูงขึ้น เนื่องจากอายุที่มากขึ้น และ 3) ในการทำกรมธรรม์ฯ ฉบับใหม่ ผู้เอาประกันภัยจะต้องแถลงข้อความจริงต่อบริษัทประกันชีวิต ซึ่งจะทำให้บริษัทเริ่มนับระยะเวลาในการใช้สิทธิโต้แย้งใหม่ (2 ปี) และหากผู้ขอเอาประกันภัยมีปัญหาสุขภาพ บริษัทมีสิทธิปฏิเสธไม่รับทำประกัน หรืออาจต้องชำระเบี้ยประกันภัยในอัตราที่สูงขึ้น นอกจากนี้หากซื้อสัญญาเพิ่มเติมสุขภาพ จะต้องมีการเริ่มนับระยะเวลารอคอยใหม่ ทั้งยังเสียโอกาสที่จะได้รับความคุ้มครอง และสิทธิประโยชน์อย่างต่อเนื่อง สมาคมจึงขอให้ผู้ขอเอาประกันภัยที่ถือครองกรมธรรม์ประกันชีวิตอยู่แล้ว ชำระเบี้ยประกันชีวิตตามกำหนดเวลาจนกระทั่งครบกำหนดสัญญา และอย่าเวนคืนกรมธรรม์ฯ ฉบับเก่าเพื่อไปซื้อฉบับใหม่
ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายข้อมูลเพื่อการพัฒนาธุรกิจ สมาคมประกันชีวิตไทย โทรศัพท์ 0-2679-8080 ต่อ 532 หรือ Download ข้อมูลสถิติได้จาก http://www.tlaa.org/2012/statistics.php