ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
อันดับเครดิตของ Phatra สะท้อนถึงเครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทในธุรกิจซื้อขายหลักทรัพย์ สำหรับกลุ่มนักลงทุนสถาบันและกลุ่มนักลงทุนบุคคลรายใหญ่ (high-net-worth) และธุรกิจวาณิชธนกิจ นอกจากนี้ภัทรยังมีการกระจายตัวของแหล่งรายได้ที่หลากหลายกว่าเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมธุรกิจหลักทรัพย์โดยรวม ซึ่งช่วยให้บริษัทมีผลประกอบการที่ค่อนข้างมั่นคงอย่างต่อเนือง แม้ในภาวะที่ตลาดทุนในประเทศไทยจะมีความผันผวน ฟิทช์เชื่อว่าภัทรน่าจะสามารถรักษาผลประกอบการให้อยู่ในระดับที่ดีได้ต่อเนื่องและยังคงเป็นหนึ่งในบริษัทหลักทรัพย์ที่มีผลประกอบการที่แข็งแกร่งที่สุดในอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรของบริษัทน่าจะยังคงถูกกดดันอยู่ในระยะปานกลางเนื่องจากการแข่งขันที่สูงขึ้น
อันดับเครดิตของ Phatra ยังสะท้อนถึงความเสี่ยงด้านตลาดที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามความเสี่ยงด้านตลาดดังกล่าวในขณะนี้ยังคงอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ จากการที่บริษัทมีกลยุทธ์ในการป้องกันความเสี่ยงและมีการบริหารความเสี่ยงที่ยังคงอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ระดับหนี้สินซึ่งสะท้อนจากอัตราส่วนสินทรัพย์ต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของ Phatra ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 4.9 เท่า ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558 จาก 1.9 เท่า ณ สิ้นปี 2554 ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของธุรกรรมการลงทุนเพื่อป้องกันความเสี่ยง (โดยเป็นการทำธุรกรรมผ่านการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ ซึ่งโดยทั่วไปมีลักษณะที่ผันผวน) โดยมิได้เป็นการเพิ่มขึ้นจากเงินกู้ยืมเป็นหลัก ดังนั้นอัตราส่วนสินทรัพย์ต่อส่วนของผู้ถือหุ้นหลังปรับปรุงแล้ว (ไม่รวมธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์) หรือ net adjusted leverage ratio จึงปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่มากนักเป็น 2.8 เท่า ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558 จากค่าเฉลี่ยที่ 2.1 เท่า ในช่วงปี 2554-2557
Phatra ได้รับการสนับสนุนในด้านการดำเนินงานปรกติจากบริษัทแม่ (ธนาคารเกียรตินาคินหรือ KK) เช่นการแนะนำลูกค้าระหว่างกัน การใช้ทรัพยากรร่วมกัน และการให้ความช่วยเหลือด้านเงินทุน อย่างก็ตามอันดับเครดิตของ Phatra ยังคงพิจารณาจากความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทเอง
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
อันดับเครดิตของ Phatra เป็นหนึ่งอันดับเครดิตที่สูงที่สุดสำหรับบริษัทหลักทรัพย์ในประเทศไทยที่มีปัจจัยพิจาณาจากความแข็งแกร่งทางการเงินของตัวบริษัทเอง ดังนั้นโอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตจากปัจจุบันนับว่าค่อนข้างจำกัด อย่างไรก็ตามอันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มหากบริษัทมีสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งขึ้นและยังสามารถรักษาความสามารถในการทำกำไรให้อยู่ในระดับดีได้ต่อเนื่อง นอกจากนี้การที่บริษัทสามารถบริหารความเสี่ยงได้อย่างดีตลอดวัฏจักรของตลาดทุนและมีฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ปัจจัยดังกล่าวน่าจะส่งผลกระทบในเชิงบวกต่ออันดับเครดิต
การที่ Phatra มีระดับหนี้สินที่สูงอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นๆในอุตสาหกรรมเดียวกัน (สะท้อนจากอัตราส่วนสินทรัพย์ต่อส่วนของผู้ถือหุ้นและอัตราส่วนสินทรัพย์ต่อส่วนของผู้ถือหุ้นหลังปรับปรุง) การลดลงอย่างมากของสภาพคล่อง (ซึ่งรวมถึงการใช้เงินกู้ยืมระยะสั้นที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก) หรือ การเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและต่อเนื่องของระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้จากการลงทุน ปัจจัยดังกล่าวอาจส่งผลกระทบในเชิงลบต่ออันดับเครดิตของ Phatra
สัญญาณที่บ่งชี้ให้เห็นว่า Phatra มีการพึ่งพาการสนับสนุนจาก KK มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการสร้างรายได้และด้านการระดมเงินทุน อาจส่งผลให้ฟิทช์ต้องพิจารณาทบทวนอันดับเครดิตของ Phatra ใหม่ เนื่องจาก Phatra อาจมีลักษณะการดำเนินงานที่คล้ายบริษัทลูกมากขึ้น ในกรณีดังกล่าวอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ KK จะเป็นปัจจัยหลักในการพิจาณาอันดับเครดิต อย่างไรก็ตามฟิทช์ไม่คาดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นในระยะสั้น