กรมการศาสนา พร้อมโอนกิจการฮัจย์ไปกรมการปกครอง

จันทร์ ๑๒ ตุลาคม ๒๐๑๕ ๐๘:๕๐
กรมการศาสนา พร้อมโอนกิจการฮัจย์ไปกรมการปกครอง เหตุทำงานเข้าถึงพื้นที่มากกว่า-สร้างประโยชน์ให้กับผู้แสวงบุญตามนโยบายรัฐบาล พร้อมยืนยันไร้การทุจริต-ตรวจสอบได้

จากกรณีที่นายอนุมัติ อาหมัด สมาชิกสภานิติบัญญัติ ออกมาเปิดถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี รับผิดชอบแก้ไขกฎหมายการส่งเสริมกิจการฮัจย์เพื่อแก้ปัญหาการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ของพี่น้องมุสลิมไทยที่สะสมมาหลายปี โดยย้ายกิจการฮัจย์ในสังกัดกรมการศาสนา(ศน.)มากรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เนื่องจากกิจการฮัจย์อยู่กับ ศน. มีปัญหาตลอด 20 ปี ผู้แสวงบุญต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงเกินไปใช้มากกว่า 150,000-200,000 บาทต่อคน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ ศน.รู้เห็นเป็นใจและทุจริตคอร์รัปชั่นกันภายในด้วยนั้น

นายกฤษศญพงษ์ ศิริ อธิบดีกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.)กล่าวว่า ขณะนี้มีการเสนอแก้ร่างพ.ร.บ.ส่งเสริมกิจการฮัจย์ โอนย้ายกิจการฮัจย์จากกรมการศาสนาไปกรมการปกครองจริง แต่ไม่ได้เกิดจากการทุจริตคอร์รัปชั่นแต่อย่างใด เหตุผลหลักต้องมีการโอนย้ายคือ เนื่องจาก วธ.พิจารณาเห็นว่า ด้วยเหตุผลความจำเป็นที่ประชาชนควรจะรู้ข่าวสารเท่าทันการเปลี่ยนแปลงกิจการฮัจย์ และเพื่อให้การบริการเข้าถึงประชาชนได้มากที่สุด จึงให้มีการปฏิรูปการบริหารกิจการฮัจย์ โดยปรับเปลี่ยนดังนี้ 1.โครงสร้างการบริหารงานกิจการฮัจย์ โดยให้กรมการปกครองเป็นหน่วยงานบริหารแทนกรมการศาสนา เนื่องจากมีองค์กรและบุคลากรในกำกับอยู่ทุกพื้นที่ 2.ให้เพิ่มเติมกรรมการ ซึ่งมาจากหน่วยงานหรือองค์กรที่มีบทบาทและภารกิจเกี่ยวกับกิจการฮัจย์ ได้แก่ ผู้แทนจุฬาราชมนตรี ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เป็นองค์ประกอบคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย

อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวต่อไปว่า การโอนย้ายครั้งนี้ถือว่าเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ต้องการให้การทำงานเข้าถึงประชาชนและให้ความรู้เรื่องฮัจย์อย่างใกล้ชิด ซึ่งการดำเนินกิจการฮัจย์ปี 2558 นี้ถือเป็นปีที่มีการทำงานลงพื้นที่อย่างใกล้ชิด ได้รับความร่วมมือจากนายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งมีอิหม่าม คอเต็บและบิหลั่นประจำมัสยิด ทำให้การกำกับดูแลและส่งเสริมให้การดำเนินกิจการฮัจย์เป็นไปอย่างถูกต้องสมบูรณ์ตามหลักศาสนา ประชาชนได้รับความสะดวก ปลอดภัย มีหลักประกันในการเดินทางและป้องกันการหาประโยชน์อันมิชอบ จนได้รับการชื่นชมจากนายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรีและผู้แสวงบุญเป็นอย่างมาก เรื่องสามารถตรวจสอบได้จากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องและทำงานร่วมกันมาอย่างภาคภูมิใจ

"ส่วนที่ระบุกรณีมีเจ้าหน้าที่กรมการศาสนามีส่วนเกี่ยวข้องทุจริตนั้น จากการตรวจสอบที่ผ่านมาไม่พบการทุจริตหากทางนายอนุมัติ จะส่งหลักฐานมาให้ทางกรมการศาสนา ก็จะเป็นประโยชน์และเป็นการสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนอีกทาง ทางกรมการศาสนาขอบพระคุณอย่างยิ่งและจะเร่งตรวจสอบทันที และกรณี ผู้แสวงบุญต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงเกินไปใช้มากกว่า 150,000-200,000 บาทต่อคน เรื่องนี้ขอชี้แจงว่าไม่ได้ขึ้นอยู่กับกรมการศาสนาเป็นสิทธิ์ของผู้แสวงบุญจะเป็นผู้เลือกใช้บริการของบริษัทใด ราคาใด" อธิบดีกรมการศาสนา กล่าว

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ