นางสาวพัชพร สรรคบุรานุรักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนบริษัท โรงพยาบาล ลาดพร้าว จำกัด (มหาชน) หรือ LPH กล่าวว่า ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก กำหนดราคาที่ 5 บาทต่อหุ้น โดยจะเสนอขายหุ้น ไอพีโอ จำนวน 200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 26.67 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดยได้เงินระดมทุนจำนวน 1,000 ล้านบาทซึ่งเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 16, 19-21 ตุลาคม 2558 โดยมีผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายเข้าร่วมอีก 7 แห่ง ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี โอเอสเค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ,บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส จำกัด (มหาชน) และคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 28 ตุลาคม 2558 โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า "LPH"
ราคาเสนอขายหุ้น LPH ที่ 5 บาทต่อหุ้น เป็นราคาที่เกิดจากการสำรวจความต้องการซื้อของนักลงทุนสถาบันชั้นนำทั้งในประเทศ (Book Building) ซึ่งมีความต้องการจองซื้อที่ช่วงราคาสูงสุด 5 บาทล้นกว่า 26 เท่าจากยอดที่จัดสรรให้กับนักลงทุนสถาบัน โดยราคาดังกล่าวถือว่าเหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานและอัตราการเติบโตของบริษัทฯ และมีส่วนลดในระดับที่ดีให้กับนักลงทุน โดยคาดว่าความต้องการส่วนเกินจากยอดความต้องการซื้อดังกล่าวจะเป็นแรงดึงดูดให้นักลงทุนเข้ามาซื้อหุ้นของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นภายหลังจากที่หุ้นของบริษัทเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ สำหรับสัดส่วนการเสนอขายแบ่งเป็นการเสนอขายแก่นักลงทุนทั่วไปประมาณ 60% จัดสรรให้นักลงทุนสถาบันประมาณ 25% และกรรมการและผู้บริหารและผู้มีอุปการะคุณของบริษัทฯประมาณ 15%
"การกำหนดราคาไอพีโอของ LPH ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและมีความน่าสนใจอย่างมาก โดยเห็นได้จากผลสำรวจจากนักลงทุนสถาบันซึ่งมียอดจองซื้อล้นกว่า 26 เท่า จึงมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนรายย่อยเช่นกัน โดยกำหนดราคา IPO อยู่ที่ 5 บาทต่อหุ้น ซึ่งคิดเป็น P/E อดีต ที่มีส่วนลดจากค่าเฉลี่ยของบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มธุรกิจโรงพยาบาลที่มีลักษณะธุรกิจใกล้เคียงกับบริษัทฯ โดยในอนาคต P/E จะเปลี่ยนแปลงไปได้อีกมาก จากผลการดำเนินงานในระยะสั้นและยาวในอนาคต ตามเผนพัฒนาศูนย์การแพทย์เฉพาะทางสู่ความเป็นเลิศทางการแพทย์ (Excellent Center) โดยเริ่มจาก 5 ศูนย์ทางการแพทย์ คือ ศูนย์ระบบทางเดินอาหารและตับ ศูนย์ตา ศูนย์ศัลยกรรมกระดูกและข้อ และศูนย์สมองและระบบประสาท ศูนย์ผิวหนังและความงาม เพื่อรองรับการเติบโตของกลุ่มประชากรผู้สูงอายุที่ปัจจุบันมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะเป็นการเพิ่มฐานกลุ่มผู้ใช้บริการของโรงพยาบาลฯ ลูกค้าทั่วไป รวมทั้งรองรับการรักษาโรคที่ซับซ้อนมากขึ้น และจะสามารถสร้างการเติบโตของรายได้และอัตรากำไรที่สูงขึ้นของบริษัทฯในอนาคต" นางสาวพัชพรกล่าว
อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ยังมีโครงการขยายการลงทุนต่อเนื่องในอีก 3-5 ปีข้างหน้า ศูนย์การแพทย์ประกันสังคม เพื่อโอกาสในการรับโควต้าที่มากขึ้น ศูนย์พักฟื้นดูแลผู้สูงอายุ และการสร้างโรงพยาบาลลาดพร้าวแห่งใหม่ ซึ่งจะมีเตียงให้บริการเพิ่มขึ้นอีก 180 เตียง ในบริเวณเขตลำลูกกา ซึ่งเป็นเขตที่มีจำนวนประชากรเติบโตสูงและมีหมู่บ้าน ชุมชน โรงงาน จำนวนมาก ทั้งนี้เพื่อขยายฐานลูกค้าและสร้างการเติบโตอย่างโดดเด่นยั่งยืนในอนาคต ซึ่งจากแผนเติบโตดังกล่าว จะทำให้บริษัทฯ เติบโตได้ตามเป้าหมาย โดยเติบโตของรายได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 15 ต่อปี ซึ่งคาดว่าจะส่งผลต่อค่า P/E ในอนาคตอย่างมีนัยสำคัญ
ดร.อังกูร ฉันทนาวานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลลาดพร้าว จำกัด (มหาชน) หรือ LPH เปิดเผยว่าราคาเสนอขายหุ้นที่ราคา 5 บาทต่อหุ้นถือเป็นราคาที่มีส่วนลดมากกว่าร้อยละ 30 ให้กับนักลงทุน โดยเม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ราว 1,000 ล้านบาท จะนำไปใช้สร้างศูนย์การแพทย์ประกันสังคมเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่ประกันตนกับสำนักงานประกันสังคม 150 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2560 และจะใช้สร้างศูนย์พักฟื้นดูแลผู้สูงอายุ 157 ล้านบาท เพื่อรองรับกลุ่มผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดเปิดบริการได้ในปี 2561 ใช้ลงทุนสร้างโรงพยาบาลลาดพร้าว ลำลูกกา จำนวน 300 ล้านบาท ซึ่งเป็นโรงพยาบาลแห่งใหม่ขนาด 180 เตียง มูลค่าโครงการรวม 600 ล้านบาท โดยจะเป็นโรงพยาบาลทันสมัยแห่งแรกในแถบพื่นที่ดังกล่าว ที่ชุมชนมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว คาดว่าจะสามารถให้บริการได้ในปี 2562 และใช้ชำระหนี้ระยะยาวประมาณ 360 ล้านบาท เพื่อลดต้นทุนทางการเงินและจะทำให้อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ลดลงต่ำกว่า 0.5 เท่า และที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
"บริษัทฯ มีจุดเด่นทางธุรกิจโดยมีผู้บริหารที่มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในการบริหารธุรกิจโรงพยาบาลกว่า 22 ปี ได้รับการรับรองมาตรฐานขั้นสูงสุด (Hospital Accreditation: HA) ระดับ 3 มีผู้ประกันตนประกันสังคม ได้เลือกสูงกว่า 99% ของจำนวนโควต้าได้รับจำนวน 149,500 คน ทั้งนี้ เพื่อรองรับการเติบโตมุ่งเน้นศูนย์การแพทย์เฉพาะทางเพื่อพัฒนาก้าวสู่ความเป็นเลิศทางการแพทย์ (Excellent Center) โดยเริ่มจาก 5 ศูนย์ทางการแพทย์ ศูนย์ระบบทางเดินอาหารและตับ ศูนย์จักษุ ศูนย์ศัลยกรรมกระดูกและข้อ ศูนย์สมองและระบบประสาท ศูนย์ผิวหนังและความงาม เพื่อรองรับการเติบโตของกลุ่มประชากรผู้สูงอายุที่ปัจจุบันมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น และเชื่อว่า LPH จะเป็นทั้ง Growth Stock และ Dividend Stock" ดร.อังกูร กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายในการเติบโตของรายได้เฉลี่ยไม่ต่ำกว่าร้อยละ 15 ต่อปี ตั้งแต่ปี 2559 -2562 นอกจากนี้มีเป้าหมายที่จะหาพันธมิตรเพื่อร่วมดำเนินธุรกิจให้บริการทางการแพทย์ร่วมกับโรงพยาบาลแห่งอื่น หรือเข้าลงทุนในโรงพยาบาลเอกชนแห่งอื่น เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน และการเติบโตของกำไร โดยสนใจโรงพยาบาลทั้งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ
ข้อมูลบริษัท โรงพยาบาล ลาดพร้าว จำกัด (มหาชน) LPH
บริษัท โรงพยาบาล ลาดพร้าว จำกัด (มหาชน) หรือ LPH ประกอบธุรกิจ ให้บริการทางการแพทย์โรงพยาบาลเอกชน ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2533 โดยปัจจุบันบริษัทฯและบริษัทย่อย แบ่งธุรกิจเป็น 3 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย
1.ธุรกิจการให้บริการทางการแพทย์ โดยเปิดให้บริการมานานกว่า 22 ปี ตั้งแต่ปี 2536 โดยให้บริการรักษาโรคทั่วไปและการให้บริการทางการแพทย์ มีทั้งในส่วนของผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยใน ผู้ป่วยฉุกเฉิน โดยกลุ่มผู้ในบริการ แบ่งเป็น กลุ่มผู้ใช้บริการทั่วไป กลุ่มคู่สัญญา และกลุ่มผู้ใช้บริการตามสิทธิโครงการประกันสังคม ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัท โรงพยาบาล ลาดพร้าว จำกัด (มหาชน) นอกจากนี้ได้จัดตั้งบริษัทย่อย คือ บริษัทโรงพยาบาลลาดพร้าว 2 จำกัด หรือ LP2 ใช้ดำเนินโรงพยาบาลแห่งใหม่ คือโรงพยาบาลลาดพร้าว ลำลูกกา
2.ธุรกิจให้บริการตรวจวิเคราะห์ ทดสอบ และวิจัยด้านอาหาร ผลิตผลทางการเกษตรและยา ดำเนินการโดยบริษัทย่อย บริษัท ศูนย์ห้องปฏิบัติการและวิจัยทางการแพทย์และการเกษตรแห่งเอเซีย หรือ AMARC ซึ่ง โรงพยาบาล ลาดพร้าว จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นร้อยละ 97.14 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว ประกอบธุรกิจการตรวจวิเคราะห์ วิจัย ภายในห้องปฏิบัติการ สำหรับวิเคราะห์ อาหาร สินค้าการเกษตร ปศุสัตว์ ประมง และการวิเคราะห์ทางเภสัชศาสตร์ พยาธิวิทยา ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักทางการรักษา ซึ่งใช้บริการภายในธุรกิจโรงพยาบาลและให้บริการภายนอกโดย AMARC เป็นที่ยอมรับและเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น ด้วยห้องปฏิบัติการที่ได้รับรองมาตรฐานระดับสากล การบริการที่รวดเร็ว ประสิทธิภาพสูง รวมถึงผู้เชี่ยวชาญที่สามารถให้ข้อมูลอย่างครบถ้วน
3.ธุรกิจสนับสนุนการให้บริการทางการแพทย์และการพัฒนาธุรกิจ โดยดำเนินธุรกิจภายใต้บริษัทย่อย คือ บริษัทศูนย์จัดการบริหารธุรกิจแห่งเอเซีย จำกัด หรือ ABMC โรงพยาบาล ลาดพร้าว จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นร้อยละ 99.99 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว ซึ่งเป็นธุรกิจสนับสนุนงานของด้านเวชสถิติ งานด้านกฏหมาย รวมถึงงานสนับสนุนงานด้านการพัฒนาธุรกิจของบริษัทฯ ซึ่งจะใช้รองรับการขยายตัวของธุรกิจของกลุ่มในอนาคต