"นักท่องเที่ยวอินเดียที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของไทยคือกลุ่ม มหาเศรษฐี ที่มีรายได้ค่อนข้างสูงซึ่งมีจำนวนมาก เช่น กลุ่มมหาเศรษฐี นักธุรกิจ นักลงทุน และกลุ่มผู้หญิง นอกจากนี้ยังมีกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวใหม่ อย่างกลุ่มนักกอล์ฟ นักวิ่งมาราธอน และที่สำคัญที่สร้างเม็ดเงินให้แก่ประเทศไทยจำนวนมาก คือ กลุ่มคู่แต่งงาน และฮันนีมูน ถือว่าอินเดียเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวขนาดใหญ่ที่สามารถทำการตลาดและสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยได้เป็นจำนวนมาก" ศรีสุดากล่าว
ด้าน รัญจวน ทองรุต ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย กล่าวว่า สถานการณ์นักท่องเที่ยวอินเดียมาเที่ยวไทยในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา มีจำนวน 7 แสนกว่าราย เพิ่มจากปีที่แล้วคิดเป็นสัดส่วน 17.5% โดยตั้งเป้าปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวอินเดีย 1.05 ล้านราย กลยุทธ์หนึ่งสำหรับตลาดอินเดีย คือการเพิ่มค่าใช้จ่ายต่อคนต่อทริปให้มากขึ้น ซึ่งจากการจัดโรดโชว์ในอินเดีย 2 ปีที่ผ่านมา พบว่านักท่องเที่ยวอินเดียมีค่าใช้จ่ายต่อคนเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5% คือจาก 40,000 บาทเป็น 42,000 บาท ส่วนปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 5.8% และปีหน้าตั้งเป้าเพิ่มขึ้น 6 % สำหรับโรดโชว์ครั้งที่ 3 นี้ นอกจากจะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของคนอินเดียอย่างเกาะสมุยแล้ว ยังนำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ สำหรับคู่แต่งงานและฮันนีมูน ได้แก่ เชียงราย ตราด และ เกาะช้าง หนึ่ง ใน 12 เมืองห้ามพลาดเป็นต้น
"อินเดียเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจสูง ค่า GDP สูงถึง 7.5%ดังนั้น อยากให้ คนไทย มองอินเดีย มุมมองใหม่ อย่างที่ทราบกัน ไม่ว่าประเทศไทยจะมีเหตุการณ์อะไรนักท่องเที่ยวอินเดีย ยังคงเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทย สม่ำเสมอ ไม่เคยตกเลย " รัญจวนกล่าว
ทางด้าน Mr. Swaytank Maheshwari บริษัทนำเที่ยวในอินเดีย ที่ขายเพคเกจไฮเอ็นด์ สาธารณรัฐอินเดีย กล่าวว่า งานครั้งนี้ ทำให้เห็นว่า ประเทศไทยมีศักยภาพในการพัฒนาสินค้าและบริการในระดับพรีเมียมที่ดีมาก นักท่องเที่ยวกลุ่มไฮเอนด์ของอินเดียกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ที่น่าสนใจ เช่น เชียงใหม่ เชียงราย ตรัง เกาะช้าง นอกเหนือจากที่เคย รู้จักกันอยู่แล้ว เช่น กรุงเทพ พัทยา หัวหิน ภูเก็ต เกาะสมุย กระบี่ เป็นต้น เพื่อเก็บเกี่ยวความสวยงาม ความประทับใจ และประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ดีจากประเทศไทย