บริษัท แบลคมอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เห็นความสำคัญในเรื่องดังกล่าว จึงได้ร่วมกับ สถาบันวิจัยแบลคมอร์ส ประเทศออสเตรเลีย จัดการประชุมวิชาการ "Integrating Complementary Medicine into Pharmacy – An Evidence Based Approach" ให้เภสัชกรและบุคลากรทางการแพทย์ โดยมี มร.มาร์คัสแบลคมอร์ ประธานบริหาร บริษัท แบลคมอร์ส จำกัด เป็นประธาน รวมถึงยังได้รับเกียรติจาก ดร.เลสลี่ บรอน,มิสแคทเทอลีน คูลลิ่ง, ดร.ภก.ศรัณย์ กอสนาน, นพ.กฤษดา ศิรามพุช และดร.โจอันนา ฮาร์เนท ร่วมเป็นวิทยากร ณ ห้องบอลรูม โรงแรม เดอะ แลนด์มาร์ค สุขุมวิท
คุณผุสดี สุจิตจร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แบลคมอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันคนไทยให้ความสำคัญกับการมีสุขภาพที่ดี เน้นการออกกำลังกาย การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ตลอดจนการดูแลตัวเองด้วยผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และสำหรับแบลคมอร์สนั้น เภสัชกรถือว่ามีบทบาทสำคัญในการให้ข้อมูลความรู้ความเข้าใจในการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ถูกต้องแก่ผู้บริโภคโดยตรง จึงได้ร่วมมือกับสถาบันวิจัยแบลคมอร์ส จากประเทศออสเตรเลีย จัดประชุมวิชาการเสริมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับสารอาหาร วิตามิน เกลือแร่ สมุนไพรตามธรรมชาติ เพื่อให้กับเภสัชกร บุคลากรทางการแพทย์ทั้งในหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมถึงสาระความรู้ในการประชุมนี้ได้ถูกนำเสนอต่อสภาเภสัชกรรมเพื่อบันทึกคะแนนการศึกษาต่อเนื่องสำหรับการต่อใบประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม
ดร.เลสลี่ บรอน ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยแบลคมอร์ส ประเทศออสเตรเลีย กล่าวว่า หน้าที่ของสถาบันฯคือทำวิจัย เพื่อศึกษาค้นคว้าข้อมูลทางวิชาการของการแพทย์แบบผสมผสาน (Complementary Medicine) ร่วมกับแพทย์แผนปัจจุบัน ซึ่งสถาบันวิจัยแบลคมอร์ส เน้นให้ความรู้ด้านสารอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ สมุนไพรจากธรรมชาติที่ผ่านงานวิจัย สามารถอ้างอิงจากหลักฐาน ให้กับเภสัชกร แพทย์ ผู้ที่อยู่ในวงการเภสัชกรรม เพื่อให้ความรู้เหล่านี้ออกสู่สาธารณะและเป็นประโยชน์ต่อสังคม สำหรับการเลือกใช้แพทย์แบบผสมผสานจะช่วยลดผลข้างเคียงจากการใช้ยา รวมถึงหากรักษาร่วมกับยา บางครั้งจะมีประสิทธิภาพที่ดีกว่า เช่น การใช้ยาลดคอลเลสเตอรอล ควบคู่กับผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ประเภท Fish oil จะช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์ได้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ผลงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่เกิดขึ้นมากมาย จะส่งผลดีต่อการพัฒนาและควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการ ศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ กล่าวว่า การแพทย์แบบผสมผสานมีความเกี่ยวข้องกับอายุรวัฒน์ โดยตนเรียกว่าเป็นแพทย์ทางร่วม เพราะทุกคนสามารถทำให้ตัวเองมีสุขภาพที่ดีได้ ให้ความสำคัญกับการกิน อยู่ และป้องกันโรค ปัจจุบันผู้คนหันมาดูแลตนเองมากขึ้น ขอแนะนำวิธีดูแลสุขภาพแบบง่ายๆดังนี้ กลุ่มวัยทำงาน จะใช้พละกำลังและสมองในการทำงาน แต่ด้วยวิถีการดำเนินชีวิตที่เร่งรีบ จะรับประทานอาหารปรุงสำเร็จแบบซ้ำๆ รับประทานผักในปริมาณที่น้อยมาก ซึ่งในความเป็นจริงร่างกายของมนุษย์ ควรรับประทานผักอย่างน้อย 5 กำมือต่อวัน ส่งผลให้ได้รับสารอาหารที่ไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ดังนั้นตัวช่วยหนึ่งคือเสริมด้วย วิตามิน A , C กลุ่มเบต้าแคโรทีน และน้ำมันปลา กลุ่มคนชอบออกกำลังกาย เป็นกลุ่มที่ต้องใช้พลังงาน ต้องการสร้างกล้ามเนื้อ จึงมีความจำเป็นจะต้องได้รับสารอาหารประเภทโปรตีน กรดอะมิโน นมวัว เนื้อปลา เนื้ออกไก่ ไข่ขาว เต้าหู้ วิตามิน B รวมถึงคนกลุ่มนี้ต้องการพลังงาน ซึ่งสารอาหารที่จะช่วยได้นั้นประกอบด้วย ธาตุเหล็ก โฟลิค นอกจากนี้จะต้องเสริมด้วยไขมันดีอย่าง น้ำมันปลา เพื่อให้ได้รับสาร DHA และEPA จะช่วยลดการอักเสบให้กับไขข้อ ส่วนกลุ่มผู้บริหาร เป็นกลุ่มที่ใช้สมองมาก จำเป็นต้องเสริมด้วยวิตามินวิตามิน B น้ำมันปลา และผักใบเขียว ที่ช่วยเรื่องระบบประสาท และกลุ่มของ Anti-Oxidant เพื่อต้านอนุมูลอิสระจากความเครียดและเหนื่อยล้า
"ทั้งนี้ การเลือกรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อมาช่วยร่างกายนั้น ต้องเลือกที่ปลอดภัยผ่านงานวิจัยและได้มาตรฐาน ซึ่งนอกจากวิตามินและสารอาหารที่ดีแล้วการนอนหลับก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากเช่นกัน" ผู้อำนวยการ ศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ กล่าวในที่สุด