น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่าแนวโน้มภาวะตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวก จากการขับเคลื่อนเดินหน้ามาตรการต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ทำให้ระยะนี้จะเห็นข่าวความคืบหน้าในการเปิดประมูลโครงการขนาดใหญ่ อาทิ การเปิดประมูล 4G หรือโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่และรถไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะยาว ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นนั้นเช่น มาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ หรือ การให้เงินกู้ soft loan เพื่อช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก
ทั้งนี้ ยังมีปัจจัยลบจากคาดการณ์ของกระทรวงการคลัง ที่คาดว่าแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปีนี้น่าจะขยายตัวได้ 2.8% จากเดิมที่เคยประมาณการไว้ว่าจะขยายตัวได้ราว 3% เนื่องจากการส่งออกแย่กว่าที่คาด โดยปีนี้การส่งออกมีแนวโน้มติดลบมากกว่า 5% ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามในช่วงสัปดาห์นี้นั้น ให้จับตามาตรการกระตุ้นการลงทุนระยะสั้นที่กระทรวงการคลังจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเร็วๆนี้ ซึ่งคาดว่าจะเป็นกระตุ้นให้นักลงทุนเร่งตัดสินใจลงทุนเร็วขึ้น
ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก จำกัด ประเมินกลยุทธ์การลงทุนใน SET ว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้าต้องติดตามการประชุม FOMC ในวันที่ 27 ถึง 28 ตุลาคมนี้ ว่าจะพิจารณาทิศทางดอกเบี้ยอย่างไร ซึ่งหากFED คงอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำที่ 0 – 0.25% คาดว่า Fund Flow ต่างชาติจะยังทยอยเข้าตลาดหุ้นไทย แต่หากมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะทำให้เงินทุนไหลออก และจะกดให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลง นอกจากนี้คาดว่านักลงทุนจะชะลอการเข้าลงทุนเนื่องจากรอประกาศ ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2558 ของกลุ่ม ICT ที่คาดว่ากำไรจะชะลอตัวลงเช่นเดียวกับกลุ่ม BANK
ดังนั้นประเมินว่า SET จะแกว่งพักตัวในกรอบ 1,400 – 1,430 จุด แนะนำลงทุนหุ้นกลุ่มที่คาดว่ากำไร ผลประกอบการไตรมาส 3/2558เติบโต ได้แก่ BANPU DCC KCE SVI SIRI QTC SAMTEL TVT KAMART MTLS SYNTEC EPG รวมถึงการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว ซึ่งจะทำให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวและเที่ยวบินเพิ่มขึ้น ส่งผลดีกับ AOT CENTEL MINT และรวมไปถึงกลุ่มค้าปลีก CPN ROBINS ที่มาจากการจับจ่ายใช้สอยช่วงปลายปี
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก จำกัดเปิดเผยว่าราคาทองคำเริ่มพักตัวลงช่วงสั้นๆจากแรงขายทำกำไรหลังราคาทองคำปรับตัวขึ้นแรงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ รวมถึงแรงกดดันจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐจากการที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะมีการส่งสัญญาณถึงการขยายโครงการซื้อสินทรัพย์ในช่วงหลายเดือนข้างหน้าในการประชุมโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมานี้
อย่างไรก็ตามจากความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจจีนหลังการรายงานตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนขยายตัวช้าลงในไตรมาส 3 ของปีนี้โดยขยายตัวเพียง 6.9% เมื่อเทียบรายปีซึ่งปรับตัวต่ำกว่า 7% เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 6 ปีจะดึงดูดให้มีแรงซื้อกลับเข้ามาในทองคำอีกครั้งเพื่อลดความเสี่ยง ขณะที่กระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ โดยล่าสุดนางเจเน็ตเยลเลนประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ไม่ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หรือนโยบายการเงินในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่กรุงวอชิงตันดี.ซี. ซึ่งยังคงสร้างความไม่แน่นอนในเรื่องดอกเบี้ยยังเป็นปัจจัยบวกต่อทองคำ
ดังนั้นประเมินราคาทองโลกด้านเทคนิคราคาเริ่มฟื้นตัวขึ้น จากแนวรับขาขึ้นเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันหลังพักตัวช่วงสั้นๆ จากการขึ้นมาจบรูปแบบ W-SHAPE ขณะที่ช่วงของการพักตัวเป็นการพักฐานในช่วงแขนรูปแบบขึ้น BULLISH FLAG ขณะที่การแกว่งตัวหลักยังเป็นแนวโน้มขึ้น ค่าสัญญาณทางเทคนิคที่เป็นบวก ทำให้ราคามีแนวโน้มปรับตัวขึ้นรอบใหม่ตามแนวโน้มขึ้นหลักที่ยังคงอยู่ โดยให้แนวรับ 1,150 - 1,145 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และ แนวต้าน 1,200 – 1,205 เหรียญต่อทรอยออนซ์