นางสาวกุหลาบ กล่าวต่อไปว่า จากการดำเนินโครงการดังกล่าวอย่างจริงจัง ทำให้ผลิตภัณฑ์ "ไก่สด" และ "ไก่ปรุงสุก" ของซีพีเอฟได้รับการรับรองให้เป็น "ผลิตภัณฑ์ไก่ที่ยั่งยืนรายแรกของโลก" จาก Det Norske Veritas (DNV-GL) ประเทศนอร์เวย์ ซึ่งเป็นหน่วยงานรับรองมาตรฐานชั้นนำระดับโลก ต่อเนื่องมานับตั้งแต่ปี 2556 ตอกย้ำซีพีเอฟเป็นผู้ผลิตเนื้อไก่รายแรกของโลกที่ได้รับใบรับรองผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน (Product Sustainability)
ปัจจุบัน ซีพีเอฟมีผลิตภัณฑ์ไก่ยั่งยืนครอบคลุมกว่า 700 รายการ ซึ่งเป็นผลมาจากการค้นคว้า วิจัย และพัฒนาสินค้าโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ตลอดห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ตั้งแต่การผลิตอาหารสัตว์ การเลี้ยงภายใต้สวัสดิภาพสัตว์ที่ดี การแปรรูปเนื้อสัตว์ การผลิตอาหารแปรรูป การจัดจำหน่ายไปยังผู้บริโภค ไปจนถึงการจัดการของเสียที่เกิดขึ้นภายในกระบวนการผลิตและขยะบรรจุภัณฑ์หลังการบริโภค ผ่านหลักประเมินวัฏจักรชีวิต ของผลิตภัณฑ์ (Product Life Cycle Assessment) และสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ตลอดกระบวนการผลิต
นอกจากนี้ซีพีเอฟยังได้ร่วมมือกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. ภายใต้ "โครงการคาร์บอนฟุตพริ้นท์" ตั้งแต่ปี 2551 ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดกระบวนการผลิต อาทิ การนำน้ำมันพืชใช้แล้ว มาผลิตเป็นน้ำมันดีเซลเพื่อใช้ขนส่งสินค้าภายในโรงงาน การนำน้ำเสียมาผลิตไบโอแก๊ส เพื่อใช้ทดแทนน้ำมันเตา และโครงการอนุรักษ์พลังงานต่าง ๆ ซึ่งเมื่อสามารถลดคาร์บอนภายในโรงงานได้จะส่งผลต่อคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ซีพีเอฟเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 146 รายการ
นางสาวกุหลาบ กล่าวเพิ่มเติมว่า ล่าสุดผลิตภัณฑ์ซีพีเอฟยังได้รับ "ฉลากลดโลกร้อน" เพิ่มขึ้น 2 รายการ ได้แก่ "เกี๊ยวกุ้ง" โดยมีค่าคาร์บอนฟุตพริ้นท์ 1.05 kgCO2/145 กรัม น้อยกว่า 23% เมื่อเทียบกับค่าคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในปี 2555 และ "ไก่สดอนามัย" มีค่าคาร์บอนฟุตพริ้นท์ 2.29 KgCO2/1000 กรัม น้อยกว่า 50% เมื่อเทียบกับฐานข้อมูลเนื้อไก่ประเทศไทย ทำให้มั่นใจได้ว่าเมื่อผู้บริโภคตัดสินใจเลือกผลิตภัณฑ์อาหารของซีพีเอฟแล้วจะมีส่วนช่วยในการลดโลกร้อนได้อย่างแน่นอน