นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การจัดงานสัมมนา "Myanmar Opportunities Day" ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งหวังที่จะส่งเสริมโอกาสทางการค้าและการลงทุนระหว่างนักธุรกิจไทยและนักธุรกิจสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ เสริมสร้างองค์ความรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ให้กับนักธุรกิจไทย รวมถึงเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์และการเข้ามามีส่วนร่วมระหว่างภาคเอกชนไทย และสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ให้มีมากยิ่งขึ้นด้วย
"สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาธุรกิจไทย - เมียนมาร์ ตระหนักถึงความสำคัญในการดำเนินงานร่วมกันทั้งด้านการค้า การลงทุน รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งการดำเนินงานดังกล่าวมีความสอดคล้องกับการดำเนินงานของรัฐบาลไทยในเรื่องของ "นโยบายการเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ" และ "นโยบายการส่งเสริมบทบาทและการใช้โอกาสในประชาคมอาเซียน" โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเร่งสร้างความเชื่อมโยงทางด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน การขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงการสนับสนุนการใช้ประโยชน์จากความตกลงทางการค้า และการลงทุนภายใต้กรอบความร่วมมือทั้งระดับทวิภาคี และพหุภาคี ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้นับว่ามีความเหมาะสมและครอบคลุมตามนโยบายของทั้งภาครัฐ และเอกชนได้เป็นอย่างดี โดยได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิและผู้ที่มีประสบการณ์โดยตรงทั้งจากประเทศไทยและสาธารณรัฐแห่งสหภาพ เมียนมาร์ มาให้ความรู้ อีกทั้ง ภายในงานยังประกอบไปด้วยการเจรจาจับคู่ธุรกิจ ร่วมกับ 12 บริษัทชั้นนำ ของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ซึ่งจะครอบคลุมประเภทกลุ่มธุรกิจถึง 10 กลุ่ม คือ Modern Trade, Distributor, Trading, Manufacturing, Construction and Building Materials, Electronic and Telecommunication, Logistic Provider, Agriculture และ Finance รวมถึงยังมีการร่วมรับประทานอาหารเย็น และหารือร่วมกัน เพื่อเสริมสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ อีกด้วย" นายสุพันธุ์ กล่าว
ด้าน นายปณิธาน ปวโรฬารวิทยา ประธานสภาธุรกิจไทย - เมียนมาร์ กล่าวว่า การจัดสัมมนา "Myanmar Opportunities Day" ในครั้งนี้ ถือเป็นการจัดงานร่วมกันระหว่าง สภาอุตสาหกรรมแห่ง-ประเทศไทย สภาธุรกิจไทย - เมียนมาร์ และภาคเอกชนสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ โดย สภาธุรกิจเมียนมาร์ - ไทย ที่ประเทศไทยเป็นครั้งแรก หลังจากที่ สภาธุรกิจเมียนมาร์-ไทย ได้มีการจัดตั้ง และลงนามบันทึกความเข้าใจในการพัฒนาความร่วมมือ ระหว่าง สภาธุรกิจไทย-เมียนมาร์ และ สภาธุรกิจเมียนมาร์-ไทย เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2558 ที่ผ่านมา ณ กรุงย่างกุ้ง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์
"สภาธุรกิจไทย - เมียนมาร์ และสภาธุรกิจเมียนมาร์ – ไทย มีการดำเนินงานร่วมกันของทั้งสอง สภาธุรกิจ ในหลากหลายด้าน ทั้งด้านการส่งเสริมนักธุรกิจในการทำธุรกิจ การค้า การลงทุนระหว่างประเทศไทย และสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ เป็นสื่อกลางในการผลักดันประเด็นปัญหา และอุปสรรคต่างๆ ของภาคเอกชนไปยังภาครัฐของทั้งสองประเทศ ดำเนินการส่งเสริม และจัดทำการเจรจาจับคู่ธุรกิจระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ รวมถึงส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างนักธุรกิจรุ่นใหม่ระหว่างประเทศไทย และสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ และเพื่อให้การดำเนินงานร่วมกันของทั้งสองสภาธุรกิจบรรลุวัตถุประสงค์ที่มีร่วมกัน งานสัมมนา "Myanmar Opportunities Day" ในวันนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นความร่วมมืออันดีระหว่างภาคเอกชนไทย และสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ โดยภายในงาน ได้รับเกียรติจาก คุณวินิจฉัย แจ่มแจ้ง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ มากล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ "ทิศทางนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและภาคธุรกิจไทยในภูมิภาค" พร้อมทั้งได้รับเกียรติจาก ผู้ทรงคุณวุฒิทั้งจากไทย และสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ มาบรรยายแบบเจาะลึกด้านการลงทุน อาทิ การบรรยาย "Doing Business in Myanmar" โดย ประธานสภาธุรกิจเมียนมาร์ – ไทย การบรรยาย "Trade to Myanmar beyond Yangon" โดย เลขาธิการร่วมสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งสหภาพเมียนมาร์ การบรรยาย "Invest in Myanmar Special Economic Zone" โดย ประธานคณะกรรมการบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษติลาวา และการบรรยาย "Strategy and Imolementation of Products Presentation that Correspomd with the City Mart Holding Co.,Ltd." โดย ผู้อำนวยการโครงการ บริษัท ซิตี้ มาร์ท โฮลดิ้งส์ รวมถึง ยังมีการเสวนา "ประสบการณ์ เทคนิคและข้อควรรู้ จากนักธุรกิจไทยในสภาธุรกิจไทย - เมียนมาร์" โดย ผู้ประกอบการไทยที่มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจในประเทศเมียนมาร์" นายปณิธาน กล่าว
อย่างไรก็ตาม สภาธุรกิจไทย - เมียนมาร์ และสภาธุรกิจเมียนมาร์-ไทย ยังได้มีการจัดตั้งสาขาความร่วมมือระหว่างกัน ทั้งหมด 8 สาขา ซึ่งประกอบด้วย 1. สาขาการค้าและการลงทุน 2. สาขาการผลิต 3. สาขาการก่อสร้างและโครงสร้างพื้นฐาน 4. สาขาโรงแรมและการท่องเที่ยว 5. สาขาการขนส่งและโลจิสติกส์ 6. สาขาการเงินและการธนาคาร 7. สาขาการเกษตร ปศุสัตว์ ประมงและป่าไม้ และ 8. สาขาเทคโนโลยี โดยหลังจากจบกิจกรรมสัมมนาแล้ว ยังได้มีการจัดกิจกรรม "Dinner Meeting" เพื่อระดมความคิดเห็นสาขาความร่วมมือระหว่างไทยกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ โดยนำร่องที่สาขาการเกษตร ปศุสัตว์ ประมง และป่าไม้ เป็นสาขาแรก
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
สภาธุรกิจไทย-เมียนมาร์
โทรศัพท์ :0-2345-1127