นายธวัชชัย ชีวานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเอสเอ็น โบรกเกอร์ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัยประกันภัยรถยนต์ และประกันชีวิต ที่ได้มาตรฐานระดับแนวหน้าของไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทมีความพร้อมในทุกๆ ด้านแล้ว ที่จะก้าวเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ โดยได้แต่งตั้งให้ บริษัท ทริปเปิ้ล เอ พลัส แอดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ปัจจุบัน เอเอสเอ็น โบรกเกอร์ ดำเนินธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัย ประกันภัยรถยนต์ และประกันชีวิต โดย มีสัดส่วน 75% เป็นเบี้ยประกันวินาศภัยประกันภัยรถยนต์ และ 25% เป็นประกันชีวิต ซึ่งในปี 2558 ตั้งเป้ายอดเบี้ยรับประกันรวมจะโตขึ้น 25% หรือคิดเป็นตัวเลข 1,100 ล้านบาท และคาดว่าจะเติบโตขึ้นในอัตรา 25% เช่นเดียวกันในปี 2559
"ตลอดปี 2558 จนถึงขณะนี้ เบี้ยรับรวมยังคงเติบโตใกล้เคียงเป้าหมายที่วางไว้ แม้จะเผชิญกับความท้าทายด้านภาพรวมเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงชะลอตัว และแม้ในช่วงครึ่งปีหลังภาพรวมเศรษฐกิจยังไม่สดใส แต่ เอเอสเอ็น โบรกเกอร์ ได้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวแล้ว โดยส่วนหนึ่งคือการจับมือ 5 พันธมิตรในธุรกิจประกัน จัดหาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ที่เป็นสินค้าเฉพาะของ เอเอสเอ็น โบรกเกอร์ กับพันธมิตร ที่เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และนั่นจะทำให้เราไปถึงเป้าหมายได้สำเร็จ" นายธวัชชัย กล่าว
นอกจากนั้น ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทฯ ยังได้รับผลดีจากที่ผู้ประกอบการรถยนต์ค่ายใหญ่ต่างเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการจัดแสดงนวัตกรรมใหม่ๆ ด้านยานยนต์ ซึ่งจะกระตุ้นให้ยอดขายประกันภัยรถยนต์ปรับเพิ่มขึ้นตามไปด้วย และถึงแม้ภาพรวมตลาดรถยนต์ใหม่ๆ จะไม่โต แต่ประเมินว่าตลาดนี้ใหญ่มากพอที่จะเป็นช่องทางให้ เอเอสเอ็น โบรกเกอร์ เติบโตในธุรกิจประกันวินาศภัยประกันภัยรถยนต์ต่อไปได้ ด้วยการปรับแผนธุรกิจให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดในแต่ละช่วงเวลา และจัดเตรียมเครื่องมือต่างๆ ให้สามารถเข้าถึงความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด
กรรมการผู้จัดการ เอเอสเอ็น โบรกเกอร์ กล่าวต่อว่า สำหรับเม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทฯ จะใช้ในการขยายธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัยประกันภัยรถยนต์ และประกันชีวิต พร้อมกับลงทุนพัฒนาระบบ "ฐานข้อมูลอัจฉริยะ" ซึ่งจะเป็นฐานข้อมูลระบบไอทีที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้า ได้ละเอียดมากยิ่งขึ้น เพื่อนำไปสู่การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ให้เหมาะกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย เพื่อเพิ่มโอกาสปิดการขายได้มากขึ้น โดยมั่นใจว่า "ฐานข้อมูลอัจฉริยะ" จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ เอเอสเอ็น โบรกเกอร์ เข้าใจทุกความต้องการของลูกค้าในอนาคต
"การตัดสินใจระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในครั้งนี้ ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของบริษัทฯ ที่จะช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจของ เอเอสเอ็น โบรกเกอร์ มีโอกาสเติบโตได้ดียิ่งขึ้นบนพื้นฐานที่แข็งแกร่งกว่าเดิม เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทมีผลประกอบการที่ขยายตัวต่อเนื่องทุกปี เมื่อผนึกกับการมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งขึ้นจะเพิ่มความสามารถในการต่อยอดธุรกิจในอนาคตได้เป็นอย่างดี ซึ่งเชื่อว่า เอเอสเอ็น โบรกเกอร์ จะเป็นหุ้นอีกหนึ่งตัวที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเมื่อมีการเปิดให้จองซื้อหุ้นและเข้าซื้อขายในอนาคต" นายธวัชชัย กล่าวในที่สุด
นางสาวปิ่นมณี เมฆมัณฑนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทริปเปิ้ล เอ พลัส แอดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท เอเอสเอ็น โบรกเกอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณ เอเอสเอ็น โบรกเกอร์ ที่วางใจเลือกบริษัทเป็นที่ปรึกษาทางการเงินในการนำหุ้นไอพีโอเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในครั้งนี้ โดยเชื่อว่า เอเอสเอ็น โบรกเกอร์ เป็นบริษัทที่จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีผลประกอบการเติบโตในทิศทางที่ดีมาโดยตลอด นับตั้งแต่ก่อตั้ง และถือว่าเป็นบริษัทนายหน้าประกันภัยและประกันชีวิตรายแรกที่นำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จึงถือเป็นอีกบริษัทที่น่าสนใจสำหรับการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวโน้มในอนาคตที่ยังสามารถเติบโตต่อไปได้อีกมาก ตามการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ และการเติบโตของภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ที่จะทำให้ประชาชนหันมาให้ความความสำคัญและสนใจในการทำประกันชีวิตมากขึ้น
สำหรับผลประกอบการในช่วงที่ผ่านมาของเอเอสเอ็น โบรกเกอร์ เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2557 บริษัทมีเบี้ยรับรวม 887.70 ล้านบาท บาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.17 จากปี 2556 โดยมีรายได้รวมทั้งสิ้นจำนวน 153 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 21 ล้านบาท สำหรับงวด 6 เดือนของปี 2558 สิ้นสุดมิถุนายน 2558 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้รวมทั้งสิ้นจำนวน 79 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจำนวน 12 ล้านบาท โดยมีสินทรัพย์รวม 130 ล้านบาท หนี้สินรวม 47 ล้านบาท และมีส่วนผู้ถือหุ้นรวม 83 ล้านบาทคิดเป็นอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น 0.56 เท่าทั้งนี้ บริษัท เอเอสเอ็น โบรกเกอร์ จำกัด (มหาชน) มีทุนจดทะเบียน 65 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 260 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท และมีทุนเรียกชำระแล้ว 50 ล้านบาท จะเสนอขายหุ้นสามัญของบริษัทต่อประชาชนในครั้งนี้รวมจำนวนทั้งสิ้น 60 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 23.07 ของทุนจดทะเบียนของบริษัทฯภายหลังการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนในครั้งนี้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมด้านข้อมูล เพื่อจะยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ขออนุมัติการกระจายหุ้นให้กับประชาชนเป็นการทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ซึ่งคาดว่าจะยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลได้ภายในปีนี้และเข้าทำการซื้อขายในต้นปี 2559