นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กล่าวว่า กระทรวงพลังงาน ร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ได้มีการจัดทำแผนรองรับสภาวะวิกฤติด้านพลังงานไฟฟ้า พร้อมทั้งมีการทบทวนและปรับปรุงแผนให้มีมาตรฐานสากลและมีความทันสมัยอยู่เสมอ แต่ก็ยังคงมีความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถคาดเดาได้ การฝึกซ้อมจึงเป็นการเสริมสร้างความชำนาญให้กับผู้ปฏิบัติงาน ดังนั้นในปีที่ผ่านมา กระทรวงพลังงานจึงได้ส่งบุคลากรจาก 3 การไฟฟ้า (กฟผ. กฟน. และ กฟภ.) เข้ารับการอบรมการบริหารจัดการสภาวะวิกฤติด้านพลังงานไฟฟ้ากับการไฟฟ้าประเทศฝรั่งเศส ภายใต้โครงการพัฒนาโครงสร้างบริหารและจัดการในสภาวะวิกฤติด้านพลังงานไฟฟ้า เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน : ด้านการพัฒนาบุคลากรที่มีศักยภาพในการบริหารจัดการสภาวะวิกฤติด้านพลังงานไฟฟ้าตามมาตรฐานสากล เพื่อช่วยเพิ่มขีดความสามารถของบุคลากรในสายงานและนำองค์ความรู้ที่ได้รับมาใช้พัฒนาการบริหารจัดการสภาวะวิกฤติของประเทศไทยให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลต่อไป รวมทั้งยังเป็นการเตรียมความพร้อมรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซึ่งมีผลต่อระบบไฟฟ้าของประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ในอนาคตอันใกล้นี้
ทั้งนี้ การฝึกซ้อมแผนรองรับสภาวะวิกฤติด้านพลังงานไฟฟ้า ปี 2558 นี้ มีความเข้มข้นกว่าทุกปีที่ผ่านมา เพราะได้มีการนำโปรแกรมจำลองระบบไฟฟ้าบางส่วนของประเทศไทย มาใช้ในการฝึกซ้อมสถานการณ์สมมุติด้านวิกฤติไฟฟ้า โดยได้จำลอง 2 เหตุการณ์ คือ 1)กรณีอุบติภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในประเทศลาว ส่งผลกระทบระบบไฟฟ้าในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือหลายจังหวัด 2)วิกฤติการส่งจ่ายก๊าซธรรมชาติรอบกรุงเทพฯ ซึ่งทำให้ผู้เข้าร่วมการฝึกซ้อมได้มีการพัฒนาการตัดสินใจและทักษะการตัดสินใจแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า อย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น และที่พิเศษกว่านั้นคือการฝึกซ้อมแผนรองรับสภาวะวิกฤติด้านพลังงานไฟฟ้า ในปีนี้ ได้รับความร่วมมือจากการไฟฟ้าประเทศฝรั่งเศส ในการส่งผู้เชี่ยวชาญด้านระบบไฟฟ้า และการบริหารจัดการสภาวะวิกฤติด้านพลังงานไฟฟ้า มาร่วมสังเกตการณ์และประเมินการฝึกซ้อมพร้อมทั้งให้คำแนะนำหลังการฝึกซ้อม ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีในการพัฒนาแผนรองรับสภาวะวิกฤติด้านพลังงานไฟฟ้าไทยให้มีความเป็นสากลต่อไปในอนาคต
"การฝึกซ้อมในครั้งนี้ ก่อให้เกิดผลเชิงประจักษ์ คือ System Operator ผู้ที่ดูแลระบบหากเกิดวิกฤติสามารถดำเนินได้ตามกฎระเบียบขั้นตอนที่วางไว้ และเป็นการพัฒนาบุคลากร เพื่อเสริมสร้างทักษะผู้ดูแลให้มีความชำนาญมากขึ้น โดยมุ่งหวังให้ประเทศไทยเป็นหลักของภูมิภาคอาเซียนต่อไป เพื่อรองรับระบบโครงข่ายไฟฟ้าอาเซียน (ASEAN Power Grid, APG) ในอนาคต ซึ่งจะสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงพลังงาน ในการพัฒนาพลังงานของประเทศ ให้มีความมั่นคง มีเสถียรภาพ และจัดหาพลังงานให้เพียงพอ" นายทวารัฐ กล่าวเพิ่มเติม