และในกรณีที่ น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ออกมาตั้งข้อสังเกตถึงการได้มาของคลื่นวิทยุดังกล่าวผ่านทางโซเชียลเน็ตเวิร์ค ด้วยข้อความดังนี้. "เห็นแถลงการณ์ของผู้บริหารแจ้งว่าจะรุกสื่อทุกplatforms โดยเฉพาะFM 98.5 MHz ซึ่งคือวิทยุ1 ปณ. ของ สำนักงาน กสทช. ที่ควรต้องคืนคลื่นความถี่มาจัดสรรใหม่นั่นเอง งานนี้ไม่รู้ว่าแถลงการณ์พิมพ์ผิด หรือสปริงนิวส์ ได้ทำวิทยุ 98.5 MHz จริงๆ เพราะที่ผ่านมากสทช.ไม่เคยมีมติจัดสรรคลื่นความถี่ FM ให้กับใครเลย งานนี้ยืนยันว่าบอร์ด กสทช. ไม่ทราบเรื่อง..." เนื่องจากเป็นข้อความที่ปราศจากความเป็นจริง โดยสิ้นเชิง ขาดการตรวจสอบข้อมูลที่ถูกต้อง ก่อนนำเสนอ ซึ่งการกระทำดังกล่าวส่งผลให้สาธารณะชนเข้าใจว่าการได้มาซึ่งสิทธิตามสัญญาจ้างฯของบริษัทฯได้มาอย่างไม่ถูกต้อง หรือไม่เป็นไปตามขั้นตอน ของกฎหมาย สร้างความเสียหายให้เกิดขึ้นกับ บริษัทฯ ในส่วนของภาพลักษณ์ต่อสาธารณะ ตลอดจนผู้ถือหุ้น และผู้ที่สนใจจะลงทุนในอนาคต บริษัทฯ ขอเรียกร้องให้ น.ส.สุภิญญาออกมารับผิดชอบต่อกรณีนี้ เพราะบริษัทได้รับความเสียหายและเกิดผลกระทบกับธุรกิจ ซึ่งขณะนี้ฝ่ายผู้บริหารกำลังมีการพิจารณาอยู่ว่าจะดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
สำหรับกรณีข่าวการปลดพนักงานนั้น น.ส.วทันยา ชี้แจงว่า การปลดพนักงานเป็นไปตามการปรับโครงสร้างขององค์กร ตามที่มีหนังสือชี้แจงไปก่อนหน้านี้ ซึ่งไม่ใช่การไล่ออกแต่อย่างใด แต่เป็นการลาออกด้วยความสมัครใจของพนักงาน โดยพนักงานได้เซ็นต์ใบลาออกโดยไม่ได้มีการบังคับ และจะมีผลภายในวันที่ 30 พ.ย.นี้ ไม่ได้เป็นการให้ออกอย่างกระทันหันตามข่าว และยืนยันว่าไม่ได้มีการปลดพนักงานจำนวน 100-200 ตามที่เป็นข่าว พร้อมยืนยันว่าจากนี้จะไม่มีการปลดพนักงานเพิ่มเติมแล้ว ซึ่งขณะนี้องค์กรได้มีการปรับผังรายการใหม่ จึงทำให้อาจมีการยุบเลิกบางรายการ ส่งผลให้พนักงานที่รับผิดชอบในส่วนนั้นจำเป็นต้องเป็นไปตามโครงสร้างของบริษัทฯ และองค์กรไม่ได้อยู่สภาวะสั่นคลอน หรือขาดทุน ตามที่เป็นข่าว ซึ่งในปี 2560 บริษัทฯ ตั้งเป้าว่าจะพลิกจากสภาวะขาดทุนมาเป็นกำไรให้ได้