ภาคเอกชนน้อมรับหากรัฐปรับขึ้นดีเซล 3 บาทต่อลิตร ขณะที่สอท.ไม่ส่งหนังสือขึ้นราคาสินค้า แต่ให้แต่ละรายส่งกันเอง

อังคาร ๒๒ มีนาคม ๒๐๐๕ ๑๐:๕๔
กรุงเทพฯ--22 มี.ค.--สอท.
นายสันติ วิลาศศักดานนท์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ( สอท. ) เปิดเผยถึงกรณีที่รัฐบาลจะปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลอีก 3 บาทต่อลิตร ว่า ภาคเอกชนส่วนใหญ่ด้วยกับรัฐบาล เพราะคาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตของภาคอตุสาหกรรมและสินค้าที่ออกจากโรงงานมากนัก เพราะโรงงานอุตสาหกรรมส่วนใหญ่มีการใช้พลังงานจากไฟฟ้า ก๊าซธรรมชาติ หรือ น้ำมันเตา มากกว่าการใช้น้ำมันดีเซล ประกอบกับเป็นการปรับขึ้นเพียงครั้งเดียว และหลังจากนั้นรัฐบาลก็จะเว้นสักระยะ เพื่อดูราคาสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกว่าจะเป็นเช่นไร ซึ่งจะทำให้เกิดความชัดเจนในการปรับ ขณะที่ทางภาครัฐเองก็จะเข้ามาดูในเรื่องต้นทุนราคาสินค้า การลักลอบการปรับขึ้นราคาสินค้า รวมถึงยังเป็นการช่วยลดภาระของกองทุนน้ำมันที่ต้องเข้าไปชดเชยการตรึงราคาน้ำมันในช่วงที่ผ่านมาด้วย
ทั้งนี้เห็นว่าหากรัฐบาลมีการทยอยปรับขึ้นครั้ง 1 บาทต่อลิตร นั้นจะต้องมีการปรับขึ้นอีกหลายครั้งอาจทำให้เกิดการกักตุนสินค้าเพื่อการเก็งกำไรได้ ประกอบกับประชาชนและผู้ประกอบการอาจเกิดความกังวลว่ารัฐจะปรับขึ้นอีกเมื่อใด เท่าไร
แต่อย่างไรก็ตามสอท.ต้องการให้รัฐบาลเข้ามาดูแลเรื่องราคาค่าขนส่งสินค้า เพราะหากราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวเพิ่มขึ้นค่าขนส่งต้องขยับตัวขึ้นตาม ซึ่งย่อมส่งผลต่อราคาสินค้าต้องมีการปรับเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งกระทรวงคมนามคมต้องดูแลไม่ให้ ผู้ประกอบการขนส่งสินค้ามีการปรับราคาขึ้นเกินจริง
สำหรับการทำหนังสือไปยังกระทรวงพาณิชย์ เพื่อขอปรับขึ้นราคาสินค้านั้น ทางสอท. ไม่ได้เป็นผู้ดำเนินการเอง แต่ได้ให้ทางผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิกแต่ละรายเป็นผู้ส่งหนังสือขอปรับขึ้นไปยังกระทรวงพาณชย์เอง เนื่องจากเห็นว่ามีกลุ่มอุตสาหกรรมเป็นจำนวนมาก และแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม ตัวสินค้าก็มีต้นทุนที่แตกต่างกัน อาจจะมีต้นทุนขึ้นลงมากน้อยแตกต่างกันด้วย ซึ่งทางกระทรวงพาณิชย์เองก็มีสูตรราคาต้นทุนอยู่แล้ว จึงน่าจะมีความเหมาะสมในการพิจารณา
นอกจากนี้นายสันติ
ยังกล่าวถึงกรณีที่กระทรวงอุตสาหกรรมจะมีการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมใหม่ ว่า สอท.กำลังอยู่ระหว่างการจัดทำแนวทางการปรับโครงสร้างภาคอุตสาหกรรม เพื่อเสนอถึงรัฐบาล ให้พิจารณากำหนดแนวทางการส่งเสริมอุตสาหกรรม เนื่องจากหากภาคอุตสาหกรรมของไทยไม่มีการปรับตัวก็จะไม่สามารถขันแข่งได้ในเวทีการค้าโลกได้ในอนาคต สำหรับแนวทางการปรับโครงสร้างจะประกอบด้วยการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน การลดการใช้พลังงานภาคอุตสาหกรรมเพื่อลดต้นทุนการผลิต การพัฒนาบุคคลากรที่มีฝีมือ การรักษาสภาพแวดล้อมควบคู่กับการใช้พลังงานทดแทนให้เกิดประโยชน์
โดย สอท. จะเสนอให้มีการปรับโครงสร้างเป็นรายอุตสาหกรรมซึ่งจะเริ่มจากอุตสาหกรรมที่เป็นเป้าหมายของรัฐบาล อาทิ อุตสาหกรรมอาหารแปรรูป ยานยนต์และชิ้นส่วน และอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุงห่ม--จบ--

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๖:๐๓ นายแพทย์ตนุพล หรือหมอแอมป์แห่ง BDMS Wellness Clinic คว้ารางวัล CEO of the Year 2024 จาก Bangkok Post ตอกย้ำวิสัยทัศน์ Scientific Wellness Life Blueprint ผลักดันประเทศไทยสู่ Wellness
๑๖:๒๔ TOMY Company จับมือสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนา เปิดตัวลูกข่าง BEYBLADE X เวอร์ชันสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนา 2 รุ่น ใน 10 ประเทศและดินแดนในเอเชีย วันที่ 25 มกราคม
๑๕:๓๙ ดั๊บเบิ้ล เอ สนับสนุนทางการแพทย์ให้รพ.สต.บ้านคลองรั้ง
๑๕:๑๖ LINE Family Club เผยอินไซต์สมาชิก ยิ่งใช้ ยิ่งได้! พร้อมจัดแคมเปญใหญ่ ฉลองปีใหม่แบบจัดเต็ม แจกรางวัลรวมกว่า 3
๑๕:๑๖ สตาร์มาร์ค คว้ารางวัล Best Operation ในงาน NocNoc Awards 2024 ตอกย้ำความเป็นเลิศด้านการบริหารงาน
๑๕:๔๗ ประเสริฐรวมพลัง ตั้งเป้าข้อมูลรั่วไหลเป็น 0
๑๕:๑๕ เซ็นทารารับมอบ 3 รางวัลท่องเที่ยวระดับสากลจากเวที Smart Travel Asia 2024
๑๕:๐๖ UFS ต้อนรับบรรดาเชฟ-ผู้ประกอบการ-นักชิมจากทั่วทุกมุมโลกสู่ จักรวาลแห่งรสชาติ ร่วมสัมผัสประสบการณ์ใน สุดยอด 4 โซนอาหาร พร้อมเผย 8 เทรนด์อาหารแห่งอนาคต ภายในงาน Worldchefs Congress Expo
๑๕:๕๘ NEO ประกาศทีมคว้าแชมป์ Upcycling Design Contest 2024 โชว์ไอเดียรักษ์โลกสุดเจ๋ง
๑๕:๑๑ เขตปทุมวันกวดขันผู้ค้าฝ่าฝืนตั้งวางจำหน่ายสินค้าใต้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส เพลินจิต