ภายในงานแถลงข่าวได้นำไฮไลท์ของงานมาโชว์ ให้เหล่านักชิม-นักช็อป ร่วมเวิร์กช็อป โดยเริ่มต้นกับ เชฟแอร์เว่ แฟร์ราร์ด เชฟดังระดับโลกชาวฝรั่งเศส จากร้าน "คาเฟ่ ปารีเซียง" (Cafe Parisien) ผู้มีประสบการณ์การปรุงอาหารให้กับบุคคลสำคัญระดับโลก อาทิ สมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร และเคยเป็นเชฟส่วนตัวของประธานาธิบดีฟรองซัวร์มีแตร์ร็อง แห่งประเทศฝรั่งเศส มาสาธิตการทำอาหาร เพื่อสุขภาพสไตล์ฝรั่งเศสแท้ๆ กับเมนู "Piperade" ที่มีส่วนผสมหลักคือ มะเขือเทศ และเครื่องเทศที่ให้รสเผ็ด ซึ่งเคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่การเลือกใช้ผัก และวัตถุดิบออร์แกนิค จากตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส และเคี่ยวนานถึง 6 ชั่วโมง จึงจะได้รสชาติความหอมหวานอมเปรี้ยวจากมะเขือเทศ และเพิ่มความอร่อยด้วยการทานคู่กับไข่แดงลวก
จากนั้น มร.นิโคลาส์ วิแวง (Mr. Nicolas Vivin) ผู้ก่อตั้ง วิแวง เมซง (VIVIN Maison) จำหน่ายเครื่องปรุงคุณภาพชั้นเยี่ยมจากยุโรปได้เผยเทคนิคการใช้เครื่องปรุงสำคัญที่ชาวฝรั่งเศสขาดไม่ได้ อย่าง เกลือ, พริกไทยแดง, ดำ, ขาว ซึ่ง พริกไทยแดง (Red peper) ได้มาจากการเก็บผลพริกไทยที่สุกคาต้นให้รสชาติหอมหวาน จึงนำไปประกอบอาหารประเภทสลัด ส่วน พริกไทยดำ (Black peper) ได้จากการเก็บผลพริกไทยที่เป็นผลแก่เต็มที่แต่ยังไม่สุกเต็มที่ มีกลิ่นหอมฉุน และรสชาติเผ็ดร้อน จึงเน้นนำมาปรุงในอาหารประเภทเนื้อสัตว์ เช่น สเต็ก เป็นต้น ส่วน พริกไทยขาว (White pepper) ได้จากการเก็บผลพริกไทยที่แก่จัด มีกลิ่นหอมอ่อนๆ นิยมนำไปใช้กับเมนูที่ทำจากปลา ส่วน "เกลือ" ชาวฝรั่งเศสนิยมนำดอกเกลือมาปรุงรส เนื่องจากรสชาติไม่เค็มจัดจนเกินไป
ด้าน "อุปาริม มารี" ผู้เชี่ยวชาญเรื่องชีส จากบริษัท เมก้า ซีเล็คชั่น จำกัด มาอธิบายวิธีการทาน และการปรุง ชีสมงต์ดอร์ (Mont d'Or cheese) ซึ่งหารับประทานได้เฉพาะช่วงเดือนกันยายน – มีนาคม เท่านั้น โดยมีถิ่นกำเนิดบนที่ราบสูงโอดูส์ (Haut Doubs) ในแคว้นฟรองช์กงเต้ ดินแดนแห่งที่ราบ และที่ราบสูง ซึ่งเป็นพื้นที่เลี้ยงโคนมและผลิตไวน์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของฝรั่งเศส โดยชาวฝรั่งเศสนิยมทานชีสชนิดนี้คู่กับขนมปัง หรือนำน้ำผึ้งราดบนชีส แล้วนำไปอบในอุณหภูมิ 180 องศา นาน 20 นาที จะได้ชีสร้อนๆ รสชาติออกเค็มนิดๆ ตัดกับน้ำผึ้งรสหวานอย่างลงตัว และปิดท้ายงานแถลงข่าวกับโซน DIY-Lotion & Cream &Shower gel โดย "เอมิลี อูซาอิ" (Emilie Usai) ผู้อำนวยการ บริษัท เนเจอราเอ จำกัด มาครีเอทโลชั่นทาผิวออร์แกนิค สูตรพิเศษเฉพาะตัว ที่ผู้ใช้สามารถเลือกส่วนผสมและกลิ่นได้เอง อาทิ เลือกใช้ Vegetable Oil ผสมกับ Essential Oil ซึ่งทำให้ผิวชุ่มชื่น และผสมวิตามินอี เพียงเล็กน้อย เพื่อเป็นสารกันบูดตามธรรมชาติเก็บได้นาน 4 เดือน จากนั้น ดับกระหายกับเครื่องดื่มสีสันสดใส ในโซน "ม็อกเทล" (Mocktail) โดย "ปุณณดา ชลวานิช" Senior Sales Executive แผนกเครื่องดื่ม บริษัท เยนเนอรัล ดีสทรีบิวชั่น เซอร์วิส จำกัด ได้เตรียมม็อกเทลสูตรพิเศษ ทั้ง 3 สูตร ได้แก่ โมจิโต แฮนซั่ม หอมกลิ่นมะนาวและใบมิ้นต์ ให้ความรู้สึดสดชื่น เบอร์รี มิสท์ ซึ่งมีส่วนผสมของไซรัป ที่มีกลิ่นเบอร์รี่นานาชนิด ดื่มแล้วรู้สึกกระปรี้กระเป่า และ ชิลเด้น มิกซ์ ม็อกเทลสำหรับเด็ก มีส่วนผสมของน้ำส้ม และไซรัปผลไม้
สุกัญญา เอื้อชูชัย ผู้อำนวยการหอการค้าฝรั่งเศส – ไทย ในฐานะแม่งานใหญ่ เผยว่า "เป็นการจัดงานมหกรรมสินค้าฝรั่งเศสที่ใหญ่ที่สุด โดยจัดต่อเนื่องมา 13 ปีแล้ว ซึ่งปีนี้ยังคงมีสินค้าคุณภาพ พรีเมี่ยมส่งตรงมาจากฝรั่งเศส ว่า 90 บูท ครอบคลุมพื้นที่กว่า 1,800 ตารางเมตร ให้คนไทยได้มีโอกาสเลือกซื้อของขวัญในราคาพิเศษในช่วงส่งท้ายปี อาทิ อาหารปรุงสดๆ ขนมปังอบร้อนๆ น้ำผลไม้ชีส, ไส้กรอก, ตับห่าน, ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคสำหรับเด็ก และยังมีโซนพิเศษ "Viva Europa!" ซึ่งเป็น ครั้งแรกที่ได้รวบรวมสินค้าจากทวีปยุโรปอย่างประเทศอิตาลีและเยอรมนี อาทิ เครื่องสำอาง, สปา, น้ำหอม, เครื่องประดับ, ของแต่งบ้าน, ของใช้ภายในบ้าน, เครื่องทำกาแฟ และสินค้าแฟชั่น ซึ่งการจัดงานครั้งนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่นักธุรกิจไทยจะได้ไปเก็บเกี่ยวไอเดียเรื่องการออกแบบและนำเสนอสินค้าจากแบรนด์ชั้นนำของฝรั่งเศสอีกด้วย"
ร่วมตื่นตากับสินค้าคุณภาพจากประเทศฝรั่งเศส และยุโรป ได้ในงาน บงชูร์ เฟรนช์ แฟร์ 2015 "วีวา ยูโรปา" ในระหว่างวันที่17 – 20 ธันวาคม 2558 เวลา 10.00 – 20.00 น. ณ ห้องบอลรูม ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร.02-650-9613-4 หรือwww.facebook.com/BonjourFrenchFair