ซินเจนทาเดินหน้าสร้างความมั่นคงทางด้านอาหาร ตั้งเป้า 5 ปีเข้าถึงเกษตรกรรายย่อย 20 ล้านคน

จันทร์ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๐๑๕ ๑๐:๕๔
ซินเจนทา ประเทศไทยเชิญหน่วยงานจากทุกภาคส่วนร่วมงานประชุมวิชาการอารักขาพืชแห่งชาติครั้งที่ 12 พร้อมจัดประชุมเสนอผลสำเร็จของแผนการเติบโตเชิงบวก ( Good Growth Plan) ภายใต้ 6 พันธสัญญาเพื่อความมั่นคงทางด้านอาหารยั่งยืนให้เกิดขึ้นทั่วโลก หลังดำเนินการโครงการหนึ่งปี สามารถช่วยชาวนาเพิ่มผลผลิตจากเดิมแล้ว 15% พร้อมตั้งเป้า 5 ปีเข้าถึงเกษตรกรรายย่อย 20 ล้านคนทั่วโลก

นายวีรพล เจริญพานิช ผู้อำนวยการ ซินเจนทา ประเทศไทย กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ในงานประชุมวิชาการอารักขาพืชแห่งชาติครั้งที่ 12 "อารักขาพืชเพื่ออาหารปลอดภัย เสริมสร้างเศรษฐกิจไทยให้ยั่งยืน :Pragmatic Crop Protection for Food Safety and Sustainable Thai Economy" ที่จัดขึ้นโดย สมาคมกีฏและสัตววิทยาแห่งประเทศไทย สมาคมนักโรคพืชแห่งประเทศไทย สมาคมวิทยาการวัชพืชแห่งประเทศไทย สมาคมอารักขาพืชไทย และสมาคมคนไทยธุรกิจเกษตร ซึ่งในงานดังกล่าว ซินเจนทาได้ นำเสนอรายงานความสำเร็จแผนการเติบโตเชิงบวกของซินเจนทา หรือ Good Growth Plan ที่มีเป้าหมายเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืนแก่เกษตรกรทั่วโลกพร้อมๆ กับการดูแลสิ่งแวดล้อม เพื่อรับมือกับการเพิ่มขึ้นของประชากรโลก ผ่านการแสวงหาความร่วมมือจาก ภาครัฐ เอกชน องค์กรอิสระ หน่วยงานที่สนับสนุน และตัวเกษตรกร เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ภายใต้ 6 พันธสัญญาซินเจนทาสากล คือ

1.เพื่อเพิ่มศักยภาพผลผลิต โดยเฉลี่ยแก่พืชเศรษฐกิจหลักของโลกอย่างน้อย 20% โดยไม่ต้องขยายพื้นที่การเพาะปลูกไม่ใช้ทรัพยากรน้ำหรือปัจจัยการผลิตอื่นเพิ่มขึ้น

2.รักษาพื้นที่เพาะปลูกให้คงสภาพที่ดี ด้วยการฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของดินแก่พื้นที่เพาะปลูกก่อนที่จะเสื่อมโทรมให้ได้อย่างน้อย 62.5 ล้านไร่

3.เพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ ด้วยการยกระดับความหลากหลายในพื้นที่เพาะปลูกให้ได้ 31.2 ล้านไร่

4.เพิ่มความสามารถแก่ผู้เพาะปลูกรายย่อย 20 ล้านคนให้มีความสามารถในการเพิ่มผลผลิตอย่างน้อย 50%

5.พัฒนาให้เกิดความปลอดภัยอบรมผู้ทำงานในไร่นา 20 ล้านคนให้มีความรู้ความปลอดภัยในการทำงานโดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา

และ 6.ดูแลสวัสดิภาพของแรงงานปฏิบัติต่อแรงงานอย่างเป็นธรรมในทุกห่วงโซ่การผลิต

สำหรับในประเทศไทยนั้นได้ดำเนินโครงการ แผนการเติบโตเชิงบวกของซินเจนทา หรือ Good Growth Plan มาตั้งแต่ปี 2556 โดยเริ่มในพืชเศรษฐกิจหลักคือข้าว ซึ่งเป็นผลผลิตส่งออกสำคัญของไทย ซินเจนทาได้ใช้วิธีการเลือกแปลงนาเกษตรกร โดยเข้าไปให้คำปรึกษา ความรู้เกี่ยวกับการเพาะปลูกตั้งแต่เริ่มต้น ในลักษณะแปลงเปรียบเทียบ เพื่อให้เกษตรกรเข้าใจและเห็นความแตกต่างจากวิธีการเดิมที่เคยใช้มา โดยในพื้นที่ภาคเหนือมีแปลงทดลองของซินเจนทาอยู่ที่อ.เชียงของ จ.เชียงราย และในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นเกษตรกรปลูกข้าวในพื้นที่อ.เสลาภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ที่สามารถเพิ่มผลผลิตในพื้นที่นาจำนวน 2 ไร่ให้ได้มากขึ้นกว่าเดิมถึง 15% แม้จะทดลองโครงการโกรมอร์ของซินเจนทาเป็นปีแรก สำหรับเกณฑ์การประเมินผลนั้นซินเจนทาได้มอบหมายให้ บริษัท Market Probe เข้าไปเก็บข้อมูลเพื่อความเป็นกลางและความโปร่งใสของข้อมูล ในการนำมาเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการ ผลปรากฏว่าในแปลงทดลองของเกษตรกรต้นแบบสามารถเพิ่มผลผลิตอย่างน้อย 15% เมื่อเปรียบเทียบกับแปลงที่ใช้วิธีปลูกแบบดั้งเดิม นอกจากนี้เกษตรกรยังเรียนรู้การใช้เครื่องมือและสารอารักขาพืชได้อย่างถูกต้อง ผลตรวจสุขภาพของเกษตรกรดีขึ้น และสิ่งแวดล้อมดีขึ้นจากการใช้สารอารักขาพืชที่ถูกต้องเหมาะสม

"จากการลงพื้นที่เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจแก่เกษตรกร ร่วมกับหน่วยสนับสนุน ทั้งภาครัฐและครอปไลฟ์เอเชีย ทำให้ได้ข้อมูลแลกเปลี่ยนว่า ข้อจำกัดของเกษตรกรยังคงเป็นเรื่องของ ความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการใช้สารอารักขาพืชในกลุ่มต่างๆ ประกอบกับความผันผวนของราคาผลผลิตทางการเกษตร เกษตรกรจะเลือกใช้สารอารักขาพืชก่อน โดยขาดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องชัดเจนเกี่ยวกับชนิดของโรค แมลงและระยะเวลาการใช้ วิธีการใช้ และการทิ้งระยะเวลาใช้จนไปถึงการเก็บเกี่ยว ซึ่งหากเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการขึ้นทะเบียนถูกต้องจากกรมวิชาการเกษตรแล้ว จะมีฉลากติดบอกวิธีการใช้ชัดเจน หรือแม้แต่ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้สารอารักขาพืชกลุ่มเดิมๆ ในพื้นที่เดิมๆ จะมีความเสี่ยงต่อการดื้อโรคและแมลงมากขึ้น แต่เกษตรกรที่ขาดความเข้าใจก็จะใช้ในปริมาณที่มากขึ้น เหล่านี้ล้วนเป็นองค์ความรู้ที่เกษตรกรต้องเรียนรู้ทำความเข้าใจ ร่วมกับหน่วยงานสนับสนุนทั้งภาครัฐและเอกชน ที่พร้อมแลกเปลี่ยนความรู้เหล่านี้กับเกษตรกรตลอดเวลา" นายวีรพลกล่าวเสริม

ความท้าทายที่ดูจะเป็นเรื่องเร่งด่วนและจำเป็นที่โลกกำลังเผชิญหน้าอยู่ ภาวะความมั่นคงทางด้านอาหารดังกล่าวตั้งอยู่บนข้อเท็จจริงที่ว่าทุก 1 วันจะมีประชากรโลกเพิ่มขึ้นราว 3.7 แสนคน หรือปีละ 134 ล้านคนโดยเฉลี่ย และจะเพิ่มขึ้นระหว่าง 7,500 – 10,500 ล้านคนในปี 2050 70% ของทรัพยากรน้ำจืดทั่วโลกถูกใช้ไปกับกิจกรรมทางการเกษตร ยังหมายรวมถึงทุกๆ 1 วินาที โลกสูญเสียพื้นที่เพาะปลูกราว 1 สนามฟุตบอลไปให้กับที่อยู่อาศัยและกิจกรรมอื่นๆ ในขณะที่แรงงานภาคเกษตรเดินทางเข้าเมืองใหญ่มากขึ้น นี่คือความท้าทายภายใต้ปฏิบัติการสร้างความมั่นคงทางด้านอาหาร หรือ แผนการเติบโตเชิงบวกของซินเจนทา ( Good Growth Plan) ที่จะต้องเร่งแสวงหาความร่วมมือให้เกิดขึ้นทุกภาคส่วนเพื่อให้เกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนนั่นเอง

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๕ พ.ย. ดิ เอราวัณ กรุ๊ป เปิดตัว HOP NextGen ชวนนักศึกษาเยี่ยมชม ฮ็อป อินน์ เรียนรู้เทคนิคบริการแบบ Consistency is Yours พร้อมพัฒนาบุคลากรรุ่นใหม่
๑๕ พ.ย. คิง เพาเวอร์ ต้อนรับเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปี เปิดแคมเปญ THE POWER OF FUNTASTIC CELEBRATION 2025 ฉลองทุกความสุข สนุกไม่รู้จบ
๑๕ พ.ย. พันธุ์ไทย ชวนแฟนด้อม คัลแลนและพี่จอง จุ่ม การ์ดพันธุ์ไทยใจฟู ลิมิเต็ด อิดิชั่น
๑๕ พ.ย. BAM ทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่ DIGITAL ENTERPRISE ตอกย้ำผู้นำ AMC ยุค 4.0 วางเป้าหมายยกระดับองค์กรสร้างโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืน เตรียมส่ง อิสระ เดอะซีรีส์ ชวนลูกหนี้ BAM
๑๕ พ.ย. บางจากฯ ได้รับการประเมินด้านความยั่งยืนอันดับสูงสุดของโลก จาก SP Global 2024 ในกลุ่มอุตสาหกรรม Oil Gas Refinery and
๑๔ พ.ย. ซีเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล ออกบูธให้ความรู้เรื่องการใช้งานระบบดับเพลิงนร. พระหฤทัยนนทบุรี
๑๒ พ.ย. พนักงานซีเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล รับรางวัลเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานดีเด่น
๑๕ พ.ย. PROSPECT REIT ชูไตรมาส 3/67 โตเกินเป้า อัตราการเช่าพุ่งนิวไฮ หนุนจ่ายปันผลเด่น 0.2160 บาท
๑๕ พ.ย. CHAO ประกาศงบ Q3/67 กำไรพุ่งกว่า 62% รับตลาดส่งออกพีค จีนโตเด่น แย้ม Q4 เดินหน้าบุกตลาดในประเทศ สินค้าใหม่หนุนยอดขายปลายปี
๑๕ พ.ย. ฉลองเทศกาลลอยกระทงประจำปี 2567 ณ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ