เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2558 คณะกรรมการบริษัทของ TASCO ได้ผ่านการอนุมัติการเข้าซื้อกิจการจำนวน 5 บริษัทจาก Colas S.A. ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นจำนวน 32% ใน TASCO ด้วยมูลค่ารวม 61.8 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 2.2 พันล้านบาท) โดยบริษัทฯจะเข้าซื้อธุรกิจยางมะตอยในประเทศเวียดนาม และประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ มีโรงงานผลิตยางมะตอยรวมจำนวน 41 โรง รวมไปถึงการเพิ่มกำลังการขนส่งของบริษัทฯเอง ด้วยจำนวนเรือขนส่งรวมทั้งหมด 9 ลำ และรถบรรทุกรวม 393 คัน
TASCO กล่าวว่าการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มปริมาณการขายยางมะตอยได้ประมาณ 290,000 ตันต่อปี และเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดในประเทศเวียดนามและประเทศอินโดนีเซียอีกด้วย การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้เป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ของ TASCO ที่ต้องการเป็นผู้นำในธุรกิจยางมะตอยและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมแบบครบวงจรที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล
ฟิทช์มองว่ามูลค่ารวมของธุรกรรมสามารถอยู่ในการจัดการของบริษัทฯ ได้ เมื่อเทียบกับ EBITDA ของบริษัทฯ ที่ฟิทช์ประมาณการไว้ที่ระดับ 4-5 พันล้านบาทต่อปี ในปี 2558-2559 การเข้าซื้อกิจการไม่น่าจะมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อหนี้สินของบริษัทฯ เนื่องจากบริษัทฯ วางแผนที่จะใช้แหล่งเงินทุนในการเข้าซื้อกิจการจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทฯ เป็นหลัก
ธุรกรรมนี้ไม่น่าจะทำให้การดำเนินธุรกิจของบริษัทเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ดังนั้นฟิทช์จึงคาดว่าไม่น่าจะมีผลกระทบต่ออันดับเครดิตหรือแนวโน้มเครดิตของ TASCO ฟิทช์คาดว่าระดับหนี้สิน ซึ่งคำนวณจากอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดที่ได้จากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของสินทรัพย์และหนี้สินจากการดำเนินงาน (FFO-adjusted net leverage) จะเพิ่มขึ้นประมาณ 0.2-0.3 เท่า จากการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้
TASCO คาดว่าธุรกรรมดังกล่าวจะได้รับการอนุมัติในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในเดือนมกราคม 2559 และวางเป้าหมายที่จะดำเนินการตามแผนให้เสร็จสิ้นภายในไตรมาสแรกของปี 2559