ทรัสต์ LHHOTEL พร้อมเปิดให้นักลงทุนรายย่อยและสถาบันจองซื้อ ชูศักยภาพอโศก-สุขุมวิท ทำเลทองจุดเชื่อมต่อธุรกิจ-การค้า รถไฟฟ้า BTS และ MRT

อังคาร ๒๔ พฤศจิกายน ๒๐๑๕ ๑๗:๓๒
ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช โฮเทล (LHHOTEL) พร้อมเปิดให้นักลงทุนรายย่อยจองซื้อหน่วยทรัสต์วันที่ 27 และ 30 พฤศจิกายน และวันที่ 1-3 ธันวาคมนี้ ขณะที่นักลงทุนสถาบันจองซื้อในวันที่ 4 และ 8-9 ธันวาคมนี้ ในราคาหน่วยละ 10 บาท เพื่อเข้าลงทุนในสิทธิการเช่าโครงการโรงแรม แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เทอร์มินอล 21 เป็นเวลาประมาณ 25 ปี จำนวนจองซื้อขั้นต่ำที่ 1,000 หน่วย และเพิ่มขึ้นทีละ 100 หน่วย ชูจุดเด่นที่ตั้งโรงแรมอยู่ในย่านอโศก-สุขุมวิท ทำเลจุดเชื่อมต่อธุรกิจ-การค้า รถไฟฟ้า BTS และ MRT

นางจันทนา กาญจนาคม กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช โฮเทล (LHHOTEL) เปิดเผยว่า ทรัสต์ LHHOTEL เป็นทรัสต์ที่ลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์และกรรมสิทธิ์ในสังหาริมทรัพย์ของโครงการโรงแรม แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เทอร์มินอล 21 เป็นระยะเวลาประมาณ 25 ปี ซึ่งโรงแรมดังกล่าวอยู่ในบริเวณจุดเชื่อมต่อของรถไฟฟ้า BTS และ MRT อโศก-สุขุมวิทที่มีศักยภาพสูง มีพื้นที่ติดกับศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 และอยู่บนทำเลช้อปปิ้งสตรีทของกรุงเทพฯ โดยมีร้านอาหาร แฟชั่น โรงภาพยนตร์และซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำมากกว่า 500 ร้านค้า รวมถึงยังเป็นจุดเชื่อมภาคธุรกิจการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว บันเทิงและไลฟ์สไตล์หลากหลายรูปแบบ

ทั้งนี้ วงเงินลงทุนในทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช โฮเทล (LHHOTEL)มีจำนวนทั้งสิ้นไม่เกิน 4,010 ล้านบาท โดยเป็นเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินไม่เกิน 800 ล้านบาท ซึ่งจะเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นของเจ้าของทรัพย์สินหรือบริษัทในเครือเดียวกันกับผู้ถือหุ้นของเจ้าของทรัพย์สินประมาณร้อยละ 15 และอีกประมาณร้อยละ 85 จะจัดสรรให้แก่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนทั่วไป

นางจันทนา กล่าวชี้แจงว่า ทรัสต์ LHHOTEL นับเป็นช่องทางการลงทุนที่คาดว่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน เนื่องจากทำเลที่ตั้งของโรงแรมมีศักยภาพสูง แวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกหลากหลายจึงสามารถสร้างผลการดำเนินงานที่โดดเด่น โดยมีอัตราการเข้าพักที่ดีและรายได้ค่าห้องพักเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับได้รับปัจจัยเกื้อหนุนจากภาคการท่องเที่ยวของไทยที่ขยายตัวดีและยังคงได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจากฝั่งเอเชีย ทั้งญี่ปุ่น ฮ่องกง เกาหลี ฯลฯ ที่เป็นกลุ่มลูกค้าหลักของโรงแรม ได้เดินทางมาท่องเที่ยวในไทยอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ บริษัท แอล แอนด์ เอช โฮเทล แมเนจเมนท์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้เช่าช่วงของโรงแรม แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เทอร์มินอล 21 ยังได้ทำข้อตกลงกับกองทรัสต์ในการชำระค่าเช่า ซึ่งแบ่งเป็นค่าเช่าคงที่รวมปีละ 240 ล้านบาท และค่าเช่าแปรผัน โดยแบ่งชำระเป็นรายไตรมาสตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของสัญญาเช่าช่วงให้กับกองทรัสต์ทำให้กองทรัสต์มีความมั่นคงของรายได้ที่แน่นอน

นางสาววรดา ตั้งสืบกุล รองผู้จัดการใหญ่ สายวาณิชธนกิจ 1 ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า ทรัสต์ LHHOTEL เป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ที่สนใจลงทุนในโรงแรมที่มีความทันสมัย นับเป็นหนึ่งในสถานที่ซึ่งเป็น Landmark ของกรุงเทพฯบนทำเลอโศก-สุขุมวิท โดยอยู่ในย่านศูนย์กลางธุรกิจการค้าและแหล่งช้อปปิ้งชั้นนำของกรุงเทพฯ ขณะเดียวกันทรัพย์สินยังอยู่ในสภาพใหม่และมีการดูแลบำรุงรักษาที่ดีอย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งมีบริการที่ได้มาตรฐานสากลจึงช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันและเสริมสร้างความน่าสนใจแก่นักท่องเที่ยว

โดยจุดเด่นของการลงทุนในทรัสต์ LHHOTEL คือทรัพย์สินหลักที่มีศักยภาพสูง ซึ่งได้แก่โครงการโรงแรม แกรนด์ เซนเตอร์พอยต์ เทอร์มินอล 21 ทั้งนี้ โรงแรมฯ ได้เปิดให้บริการมากว่า 3 ปี นับจากเดือนกุมภาพันธ์ 2555 โดยเป็นอาคารสูง 28 ชั้นและชั้นใต้ดิน 2 ชั้น มีพื้นที่ทั้งสิ้นประมาณ 47,298 ตารางเมตร พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับกลุ่มลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาโรงแรมมีผลการดำเนินงานที่ดีมาตลอด มีอัตราเข้าพักเฉลี่ยในช่วงปี 2555-2557 ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 85 และมีอัตราค่าเช่าห้องพักในปี 2555-พ.ค. 2558 เติบโตเฉลี่ยปีละประมาณร้อยละ 13

ทั้งนี้ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช โฮเทล จะเปิดให้นักลงทุนรายย่อยที่สนใจสามารถจองซื้อหน่วยลงทุนได้ที่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จำกัด ในวันที่ 27 และ 30 พฤศจิกายน และ 1-3 ธันวาคมนี้ จากนั้นจะเปิดให้นักลงทุนสถาบันจองซื้อในวันที่ 4 และ 8-9 ธันวาคมนี้ โดยมีราคาเสนอขายที่ 10 บาทต่อหน่วย กำหนดจองซื้อขั้นต่ำที่ 1,000 หน่วยและเพิ่มขึ้นทีละจำนวน 100 หน่วย

คำเตือน

-ผลการดำเนินงานในอดีตของโครงการ ไม่สามารถยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคตได้

-ทำความเข้าใจในลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

-โปรดศึกษารายละเอียดความเสี่ยงเพิ่มเติมจากหนังสือชี้ชวน

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ