ร้านค้าและมีผลงานโดดเด่นมากมาย อาทิ กลุ่มนิสิตจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยซึ่งทำผลงานเกี่ยวกับเทคนิคตกแต่งสินค้าในชื่อแบรนด์ว่า"Workshop"กับสโลแกน Come marble it yourself!ซึ่งโชว์ความโดดเด่นด้วยการขายสินค้าที่ทำด้วยเทคนิค Marbling เป็นลายคล้ายหินอ่อนบนผิวน้ำมีสีสันสดใสและเป็นลวดลายเฉพาะแต่ละชิ้น จนอาจกล่าวได้ว่ามีเพียง 1 ชิ้นในโลก จึงเป็นการเพิ่มมูลค่าจากผลิตภัณฑ์ที่แสนธรรมดาให้กลายเป็นสินค้าที่มีมูลค่าและเหมาะแก่การมอบให้เป็นของขวัญ"สินค้าของเราเริ่มมีคนให้ความสนใจจำนวนมาก จนเรามาต้องเปิดร้านที่สยามสแควร์วันเพื่อเป็นการขยายตลาด และนอกจากผลิตชิ้นงานขายเป็นสินค้าแล้ว เรายังต้องการเผยแพร่งานสร้างสรรค์แก่คนทั่วไป จึงเปิดเป็นเวิร์คช้อปสอนเทคนิคเพื่อให้ความรู้กันอย่างฟรีๆ ที่ร้านอีกด้วย"น.ส.ปรางค์มาศ อนุกูล ตัวแทนกลุ่มกล่าว
อีกหนึ่งตัวอย่างสินค้าที่น่าสนใจ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ดูดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในชื่อแบรนด์"เด็กเอาถ่าน"ของนางสาวสุชญา นพรัตน์ นักศึกษาจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมเคมี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ ซึ่งมีคอนเซ็ปต์มาจากสินค้าทุกชนิดทำมาจากถ่านชาร์โคลและคนทำเป็นเด็กช่างคิดชอบดัดแปลงนำสิ่งที่คนมองข้ามมาทำให้เกิดมูลค่าจึงคิดค้นผลิตภัณฑ์ในรูปแบบต่างๆ โดยมีต้นตอในการผลิตเกิดจากทางบ้านเป็นคนรักสุขภาพแล้วได้นำถ่านชาร์โคลมาทดลองใช้แล้วได้ผลดีมากจึงอยากต่อยอดให้ผู้คนได้รู้จักกันและมีแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์เพื่อช่วยชาวสวนไร่ยูคาลิปตัสที่ไม่สามารถส่งออกกระดาษได้จึงนำความรู้ที่เรียนอยู่ด้านวิศวเคมีมาดัดแปลงถ่านจากยูคาลิปตัสให้เป็นผลิตภัณฑ์ชาร์โคลเพื่อช่วยเพิ่มรายได้ให้ชาวไร่ชาวสวนยูคาลิปตัสเนื่องจากผลิตภัณฑ์นี้ไม่จำเป็นต้องนำเข้าจากต่างประเทศจึงมีราคาถูกเหมาะสมกับคนไทย มีประโยชน์มากมายและสามารถทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆได้หลากหลาย เช่น สบู่ผงพอกหน้าดีท็อกซ์ ผงล้างผักผลไม้ แชมพูอาบน้ำสัตว์เลี้ยงกล่องดูดกลิ่นอับชื้นและดูดซับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ฯลฯ
ด้าน นางสาวสุชญา ทิ้งท้ายว่า "ตอนนี้เพิ่งออกสินค้าใหม่โดยนำใบลานมาถักทอเป็นรูปทรงทุเรียน ภายในบรรจุถ่านชาร์โคลเพื่อใช้ดูดกลิ่น ที่เลือกรูปทรงทุเรียนและใบลานเพราะสามารถบ่งบอกเอกลักษณ์ความเป็นไทยได้และอยากให้คนไทยได้อุดหนุนสินค้าของคนไทยเพื่อช่วยเหลือเกษตรไทยให้มีรายได้เสริมด้วย"นี่เป็นตัวอย่างของการนำเอาของง่ายๆ พื้นๆอย่างถ่าน มาประยุกต์เข้ากับสิ่งที่ได้ร่ำเรียนมา จนเกิดเป็นแรงบันดาลใจเพื่อช่วยเหลือคนอื่น จนอาจกล่าวได้ว่าเป็น "ผลงานวิทยาศาสตร์ประยุกต์เพื่อสังคม" เลยทีเดียว
นอกจากนี้ยังมี "ต้นไม้ในโหลแก้ว" แบรนด์ "Chocoholic" ของนายกิตติธัช กล่องชู นิสิตคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากการเรียนในภาควิชาพฤกษศาสตร์ สาขาพันธุศาสตร์ซึ่งศึกษาเกี่ยวกับระบบนิเวศจำลองผสมกับไลฟ์สไตล์ชีวิตคนเมืองกรุงปัจจุบันที่อยากมีพื้นที่สีเขียวแต่มีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่และการดูแลรักษา จึงจุดประกายแนวคิดในการสร้างผลงานนี้ขึ้นมา โดยได้ศึกษารูปแบบการจัดสวนขวดจากแหล่งต่างๆ แล้วนำมาสร้างจุดเด่นแก่ต้นไม้ในโหลแก้วจนเป็นรูปแบบของตน ด้วยการเพิ่มความสมจริงของระบบนิเวศจำลองเพื่อให้ต้นไม้และพืชต่างๆ ภายในโหลแก้วมีความหลากหลาย เจริญเติบโตอยู่ได้นานมากขึ้นและสวยงามเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร
นอกจากนี้ ภายในงานนี้ยังมีกิจกรรมมากมายที่ให้ผู้ชมงานได้มาร่วมทำกิจกรรม อาทิ DIY Workshop (The Style by Toyota : 3D Glasses)โดยเปิดโอกาสให้ผู้สนใจมาร่วมกิจกรรม และสร้างสรรค์ชิ้นงานเป็นแว่นตา 3D Glasses ที่ทำมือง่ายๆ สามารถเพิ่มมูลค่าได้และสามารถนำกลับบ้านไปได้ด้วยภายในงานยังได้รับเกียรติจากคุณแพรพรรณ ธรรมวัฒนะ กรรมการผู้จัดการ "ร้านเพลย์เฮ้าส์" ซึ่งเป็นร้านที่ได้ชื่อว่าเป็น "ดิสนีย์แลนด์เมืองไทย"เพราะคัดสรรค์สุดยอดตัวการ์ตูนจากทุกมุมโลก มารวบรวมไว้เพื่อเอาใจคนรักของเล่น ตั้งอยู่ชั้น 3 ศูนย์การค้าสยามสแควร์วัน โดยคุณแพรพรรณได้ร่วมพูดคุยและแชร์ประสบการณ์ในการทำธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในเวลาไม่นาน พร้อมเผยเคล็ดลับที่น่าสนใจว่า "เราจะต้องพยายามสร้างจุดขายและหาจุดเด่นของตัวเองให้ได้ ทำให้แตกต่างจากคนอื่นจะทำให้มีจุดยืนทางธุรกิจอย่างเช่นที่ร้านเพลย์เฮ้าส์มีจุดเด่นประจำร้านก็คือDesigner Toy โดยให้ศิลปินคนนั้นๆ เป็นผู้สร้างสรรค์และออกแบบผลงานที่เป็นรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นออกมาจำนวนผลิตออกมาน้อย คนหาซื้อได้ยาก จึงเป็นการมูลค่าเพิ่มให้กับของเล่นหรือสินค้าเหล่านั้น นอกจากนี้คุณแพรพรรณยังร่วมแนะนำน้องเจ้าของแบรนด์เด็กเอาถ่านที่มีผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับ สบู่ และครีม ถึงการต่อยอดธุรกิจว่าเป็นแบรนด์ที่สร้างสรรค์มากและสามารถต่อยอดไปสู่ธุรกิจสปาได้และยังมีโชว์จากนักศึกษาจากสถาบันต่างๆ มาโชว์บนเวที อาทิ Yoyo จากเอแบค และตบท้ายด้วยมินิคอนเสิร์ตจากหนุ่มซิงและกัน จากซีรี่ย์สุดฮิต Love Sick The Series ที่มาร่วมมอบความสุขให้เหล่าบรรดาแฟนคลับและผู้ร่วมชมงานผ่านเสียงเพลงเพราะๆ ในงานนี้หนุ่มกันไม่เพียงแต่แค่มาโชว์เสียงร้องและเอ็นเตอร์เทนเท่านั้น แต่ยังมาเปิดร้านขายเสื้อผ้าแบรนด์ตัวเองในชื่อXWHYSEEที่ตอนแรกทำเล่นๆ ขายใน IG แต่ได้รับฟีดแบ็คขายดี จึงมองไว้เป็นอาชีพเสริมนอกจากวงการบันเทิงในงานนี้นายบุญส่ง ศรีสว่างเนตร ยังกล่าวเชิญชวนผู้ที่สนใจร่วมชมงานอีกว่า กิจกรรม "Dare U To Share โชว์ของมาลองไอเดีย" จะจัดขึ้นทุกๆ วันเสาร์และอาทิตย์สุดท้ายของเดือนตั้งแต่พฤศจิกายน – ธันวาคม2558ครั้งต่อไปจะมีวันที่ 28 – 29พฤศจิกายน และวันที่26 – 27ธันวาคมนี้ ตั้งแต่เวลา 11.00 – 19.00น. ณ ลานกิจกรรมชั้น ชั้น LG (Fashion Zone) ศูนย์การค้าสยามสแควร์วันจึงขอชวนนิสิตนักศึกษาทุกสถาบันทั่วประเทศมาเปิดร้านในงานครั้งต่อไป และเชิญทุกคนไปชมไอเดียและช็อปสินค้าที่น้องๆ นิสิตนักศึกษาตั้งใจสร้างสรรค์อย่างเต็มที่สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานสยามสแควร์วัน โทรศัพท์ 091-545-3804 หรือเว็บไซต์www.siamsquareone.com และwww.facebook.com/SIAMSQUAREONE"
นายบุญส่งกล่าวในที่สุด