ดร. สันติ กีระนันทน์ รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บมจ. สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) จะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอุตสาหกรรมทรัพยากร หมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค ในวันที่ 8 ธันวาคม 2558 โดย SPRC เป็นหนึ่งในผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมชั้นนำของประเทศไทย มีกำลังการกลั่นน้ำมันดิบ 165,000 บาร์เรลต่อวัน คิดเป็น 13.2% ของกำลังการกลั่นน้ำมันดิบทั้งหมดของประเทศไทย โดยผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ได้แก่ ก๊าซปิโตรเลียมเหลว น้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่วเกรดธรรมดาและเกรดพรีเมี่ยม น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน และน้ำมันเตา รวมทั้งผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีซึ่งใช้เป็นผลิตภัณฑ์ตั้งต้นในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี จำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ
SPRC มีทุนชำระแล้ว 30,004.44 ล้านบาท มีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 6.92 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 4,102.95 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 232.95 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนและหุ้นสามัญเดิมที่ถือโดย บมจ. ปตท. จำนวน 1,475.45 ล้านหุ้น ต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 1,439.72 ล้านหุ้น และต่อผู้บริหารและพนักงาน (ESOP) จำนวน 35.73 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 9.00 บาท มีมูลค่าระดมทุนรวม 2,096.55 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 39,023.12 ล้านบาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และมีบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายวิลเลียม ลูอีส สโตน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) เปิดเผยว่า การนำหุ้นสามัญของบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ชาวไทยได้ร่วมเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทปิโตรเลียมชั้นนำแห่งหนึ่งของไทย ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาธุรกิจของบริษัทฯ ให้เติบโตต่อเนื่อง และเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางด้านเงินทุน โดยวัตถุประสงค์ของบริษัทฯ ในการระดมทุนครั้งนี้เพื่อให้ผู้ลงทุนมั่นใจว่าการขายหุ้น IPO ครั้งนี้จะเป็นโอกาสการลงทุนในระยะยาว โดยบริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปชำระคืนภาระหนี้ที่เกี่ยวกับการปรับโครงสร้างทุนของบริษัทฯ และเป็นเงินทุนหมุนเวียนของกิจการต่อไป
SPRC มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ เชฟรอน เซาท์ โฮลดิ้งส์ 60.56% Merrill Lynch International เป็นผู้ซื้อหุ้นเบื้องต้น 10.17% และ บมจ. ปตท. 5.41% ทั้งนี้ การกำหนดราคา IPO ในครั้งนี้ พิจารณาจากการประเมินมูลค่าโดยวิธีประเมินมูลค่าปัจจุบันจากกระแสเงินสดที่คาดว่าจะได้รับในอนาคต (discounted cash flow) และวิธีประเมินมูลค่าเชิงเปรียบเทียบกับบริษัทอื่นที่ประกอบธุรกิจเดียวกันและสามารถเทียบเคียงได้ (market comparable) ประกอบกับการประเมินความต้องการเบื้องต้นจากนักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งหากเปรียบเทียบอัตราส่วนระหว่างราคา IPO กับมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น (Book Value Per Share) ของบริษัทฯ ในไตรมาสที่ 3 ปี 2558 จะเท่ากับ 1.11 เท่า ทั้งนี้ บริษัทฯ มีกำไรสุทธิงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2558 เท่ากับ 6,381.88 ล้านบาท และมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้และเงินสำรองตามกฎหมาย
ผู้ลงทุนและผู้สนใจ โปรดดูรายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.sprc.co.th และที่เว็บไซต์ www.set.or.th