"อนาคตของการผลิตสินค้าในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่และเครื่องจักรเฉพาะที่ต้องใช้ความชำนาญเฉพาะนั้นเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตามเทคโนโลยีใหม่ ๆที่เกิดขึ้น และบรรดาผู้ผลิตก็คาดหวังที่จะพึ่งพาบริการออนไลน์มากขึ้น" ไบรอัน โรเอปเก้ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการบริหารจัดการช่วงอายุของผลิตภัณฑ์และInternet of Things ของ ออโตเดสก์ กล่าว "การเพิ่มเติม SeeControl เข้าไปในสายงานบริการด้าน IoT ของออโตเดสก์ จะช่วยให้ธุรกิจสามารถเพิ่มความได้เปรียบทางการแข่งขันโดยใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในปัจจุบันให้เป็นประโยชน์มากกว่าเดิม โดยสามารถนำเอาข้อมูลสำคัญที่จำเป็นนำเอามาปรับปรุง เพื่อบริการแก่ลูกค้าของพวกเขาให้ดียิ่งขึ้น"
เทคโนโลยี Internet of Things ระบุถึงระบบที่กำลังเติบโตที่เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆไม่ว่าจะเป็นอิเล็กทรอนิกส์ ซอฟท์แวร์ และเซ็นเซอร์ด้วยอินเตอร์เน็ตผ่านตัวรับสัญญาณที่ฝังอยู่ภายในอุปกรณ์เหล่านั้น เมื่อผู้ผลิตจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีระบบนี้ให้กับผู้บริโภค และนำเอาผลิตภัณฑ์ไปใช้ บริษัทผู้ผลิตก็จะได้รับข้อมูลที่ส่งออกมาจากเครื่องนั้นว่าลูกค้าใช้งานในลักษณะอย่างไรบ้าง ซึ่งจะทำให้ได้ข้อมูลเชิงลึกที่มีประโยชน์ ส่งผลให้บริษัทสามารถที่จะตอบสนองต่อความต้องการตลาดรวมทั้งความต้องการของลูกค้าเป็นรายบุคคลได้ดียิ่งขึ้น ผลิตภัณฑ์ที่สามารถเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตได้นี้สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกกับผู้ออกแบบและผู้ผลิตในระหว่างที่ใช้งานอยู่ ซึ่งจะทำให้เกิดความเข้าใจและสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์นั้นให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผู้ผลิตสินค้าได้พัฒนา ผลิต และนำเอาผลิตภัณฑ์ที่เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตออกวางตลาด โดยใช้บริการระบบคลาวด์ของออโตเดสก์ อย่างเช่น Fusion 360 และ Fusion 360 การมี Autodesk SeeControl เพิ่มมานั้นจะเสริมให้ Product Innovation Platform ซึ่งใช้กับคลาวด์นั้นมีความสามารถในการวิเคราะห์มากขึ้น อีกทั้งยังเอื้อให้ลูกค้ามีระบบการสังเกตการณ์ที่สามารถคาดการณ์ได้ดียิ่งขึ้นและเก่งกาจมากขึ้น ทำให้สามารถบริหารจัดการระยะเวลาระหว่างการวางตลาดผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่แต่ละตัวได้ดียิ่งขึ้น และนำไปสู่ความแตกต่างจากคู่แข่งโดยสิ้นเชิง
Autodesk SeeControl จะช่วยให้ผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมสามารถดูได้ว่าผลิตภัณฑ์ทำงานอย่างไรในขณะที่มีการใช้งานจริง และสามารถนำเอาข้อมูลที่ได้มาจากการใช้งานในขณะนั้นมาปรับปรุงผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ อีกทั้งยังสามารถให้ผลิตภัณฑ์นั้นทำงานเต็มกำลังเพื่อตรวจหาความเป็นไปได้ที่เครื่องจะเสียหายก่อนที่จะเกิดขึ้นจริง รวมทั้งสามารถกำหนดเวลาการบำรุงรักษาในขณะที่ผลิตภัณฑ์นั้นยังเสียหายน้อยที่สุด กล่าวโดยรวมก็คือทางผู้ผลิตสามารถที่จะมอบบริการที่ดีขึ้นแก่ลูกค้าโดยอาศัยข้อมูลการใช้งานจริงและประสิทธิภาพที่ส่งตรงมาจากผลิตภัณฑ์โดยตรง
SeeControl มีคุณสมบัติแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ในประเภทเดียวกันด้วยปัจจัยดังนี้
• SeeControl เป็นโซลูฃั่นคลาวด์ที่เอื้อต่อใช้บริการของผู้ใช้หลายรายพร้อม ๆกันอย่างแท้จริง ซึ่งทำให้บริษัทต่าง ๆ สามารถเปิดใช้ระบบของตัวเองได้โดยไม่ต้องรอนาน
• SeeControl เป็นระบบที่ไม่ผูกติดกับวิธีการสื่อสารหรืออุปกรณ์ใดอุปกรณ์หนึ่งเท่านั้น หมายความว่าบริษัทไม่ถูกจำกัดการใช้เพียงแค่วิธีการหรือมาตรฐานเดียวเท่านั้น
• SeeControl มีการใช้งานง่าย ไม่ต้องมีรหัสหรือใช้เครื่องมือ drag-and-drop เพื่อให้อุปกรณ์ต่าง ๆ สามารถสื่อสารกันได้ หรือในระหว่างที่มีการวิเคราะห์ข้อมูล หรือแม้แต่การดูภาพรวมทั้งการดำเนินการทางธุรกิจอื่น ๆ
"นับตั้งแต่การเข้าซื้อ SeeControl นั้น ออโตเดสก์ก็ได้เดินหน้าอย่างเต็มที่เพื่อพัฒนา SeeControl ต่อไปโดยเชื่อมต่อกับบริการหลักของออโตเดสก์ อาทิเช่น การแสดงภาพสามมิติ (3D visualization)" โรเอปเก้ กล่าว"การนำเอาข้อมูลสดจาก SeeControl ไปใช้ในเครื่องมือทางด้านวิศวกรรมของเรานั้นจะช่วยสนับสนุนการออกแบบผลิตภัณฑ์รุ่นต่อไป และทำให้ลูกค้า SeeControl มีความสามารถเพิ่มขึ้นในแบบที่ไม่เคยทำได้มาก่อน"
"เราตื่นเต้นกับการนำเอา Autodesk SeeControl มาใช้เพราะสามารถช่วยเราให้ขยายธุรกิจได้ในหลากหลายด้าน อีกทั้งยังสามารถให้บริการแก่ลูกค้าในแบบที่ไม่มีใครทำได้อีกด้วย" เดวิด คีลี่ย์ ผู้จัดการฝ่ายวิศวกรรมของ ทีเอสเอ็ม คอนโทรล ซิสเต็มส์ (TSM Control Systems) กล่าว "ในเวลาไม่กี่วัน เราสามารถที่จะเชื่อมต่อ SeeControl เข้ากับระบบที่มีอยู่ และสามารถเริ่มวิเคราะห์เอาข้อมูลที่เป็นประโยชน์ออกมาจากผลิตภัณฑ์หนึ่งของเรา และตอนนี้เรากำลังพยายามดูอยู่ว่า SeeControl จะสามารถช่วยอะไรเราได้อีกบ้างในอนาคต"
ความร่วมมือกันระหว่างนักพัฒนาสร้างสรรค์ของออโตเดสก์ ณ ศูนย์กระบวนการการออกแบบ(Center of the Design Process)
ออโตเดสก์ ประกาศเกี่ยวกับเครื่องมือทำงานร่วมกันตัวใหม่สำหรับผู้ที่ใช้ Inventor อยู่ที่เรียกว่า Inventor Connected Design ซึ่งวางอยู่บนพื้นฐานของแพลตฟอร์ม Autodesk 360 Cloud และเป็นหนึ่งในบรรดาฟีเจอร์ชั้นสูงที่เก่งกาจนำสมัยที่ถูกบรรจุอยู่ใน Autodesk Inventor 2016 นับตั้งแต่มันถูกวางตลาดในเดือนเมษายน บริการใหม่นี้จะทำให้สามารถเรียกผลงานออกแบบสามมิติมาดูได้อย่างง่ายได้และรวดเร็ว ไม่ว่าคนที่อยู่ในทีมงานจะอยู่ส่วนไหนของโลกก็จะสามารถเข้ามาดูได้โดยอุปกรณ์หลากประเภทแล้วแต่ความสะดวก*
การทำงานร่วมกับ Inventor Connected Design
Inventor Connected Design เป็นเทคโนโลยี่ใหม่ที่เชื่อมโยง Inventor เข้ากับระบบคลาวด์ ลูกค้าที่ใช้Inventor 2016 จะสามารถใช้ Autodesk A360 เพื่อให้นำเอา Design Shareที่อยู่ใน Inventor มาใช้ได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังสามารถบันทึกข้อความและจดความคิดเห็นต่าง ๆ ที่จะนำไปสู่การตัดสินใจเอาไว้ในขณะใช้งาน และทำให้สามารถควบคุมการแฃร์สิ่งที่มีลิขสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญาได้ด้วย เทคโนโลยีที่ทำงานด้วยระบบคลาวด์จะทำให้บรรดาวิศวกรทีมต่าง ๆ สามารถทำงานร่วมกันได้ในขณะที่กำลังช่วยกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ชิ้นหนึ่ง ๆ ขึ้น และยังช่วยทำให้กระบวนการตัดสินใจรวดเร็วขึ้นด้วย
"เรากำลังนำเอาสุดยอดเครื่องมือที่ดีที่สุดของแต่ละด้านมาทำงานด้วยกัน ทั้งใน การออกแบบ ระบบบริหารจัดการข้อมูล และระบบคลาวด์ที่มีความปลอดภัย" แลนซ์ โกรว์ ผู้อำนวยการออกแบบผลิตภัณฑ์ Inventorกล่าว "วิธีการทำงานใหม่นี้จะทำให้ลูกค้าสามารถเรียกดูแลประเมินการออกแบบ ร่วมมือกันทำงานระหว่างทีมวิศวกรที่ชำนาญแต่ละด้านได้ และทำให้การสื่อสารด้านห่วงโซ่อุปทานในขณะที่ใช้แพลตฟอร์มหลากหลายเป็นไปอย่างราบรื่นมากยิ่งขึ้น ความสามารถนี้ยังช่วยให้ลูกค้าของเราเลือกและเรียกดูข้อมูลการออกแบบก่อนที่จะส่งข้อมูลนี้ให้กับคนอื่น ๆ ซึ่งจะทำให้ลูกค้าของเราสามารถควบคุมลิขสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญาของเขาได้"
Inventor Connected Design จะทำให้ผู้ใช้สามารถทำงานได้ตามรายละเอียด ดังต่อไปนี้
· การทำงานโดยการนำเอาผลงานออกแบบสามมิติไปแสดงในแบบเสมือนจริง บนอุปกรณ์ใด ๆ ก็ได้
· การส่งและแชร์ผลงานออกแบบที่ยังอยู่ในระหว่างการพัฒนาให้กับทีม โดยไม่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงกับผลงานออกแบบของตน หรือไม่ส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการข้อมูล
· ดำเนินการเรียกดูได้เร็วกว่าวิธีการเดิม ๆ อย่าง การเก็บสกรีนช็อตแบบ 2 มิติ และ/หรือ อีเมล์
· ประโยชน์สูงสุดจากการใช้ระบบที่สามารถดูภาพที่มีขนาดไฟล์ไม่ใหญ่จนเกินไปแต่ยังคงคุณภาพความละเอียดอยู่ รวมทั้งสามารถแยกว่าส่วนใดที่ต้องการแชร์ให้ดูและส่วนใดที่ไม่ค้องการแชร์ได้อย่างง่ายดาย
· สามารถบริหารจัดการและติดตามความคิดเห็นได้โดยอัตโนมัติจากกลุ่มที่ร่วมงานกันทั้งหมด โดยการให้บริการการรวมทั้งบันทึกสำหรับแต่ละ Design Share และความคิดเห็นของผู้ร่วมงานที่มีขึ้นในแต่ละครั้งได้
การเพิ่ม IFC Publishing สำหรับอุตสาหกรรมก่อสร้าง
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Inventor ได้ขยายขีดความสามารถออกไปเพื่อให้ Building Product Manufacturers สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกับระบบ Building Information Modeling (BIM) ได้ และในครั้งนี้ ก็ได้มีการนำเอารูปแบบของไฟล์ Industry Foundation Classes (IFC) มาเพิ่มใน Inventor ด้วยในฐานะที่เป็นทางเลือกในการส่งออกข้อมูลเพื่อช่วยสนับสนุนการแบ่งปันการออกแบบสามมิติเชิงเมคคานิคสำหรับแอ็พพลิเคชั่นการก่อสร้างต่าง ๆ IFC นั้นเป็นมาตรฐานที่เปิดกว้างสำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบจำลองในการผลิตทางอุตสาหกรรม สถาปัตยกรรม วิศวกรรม และอุตสาหกรรมก่อสร้าง ซึ่งกำลังกลายเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับเจ้าของอาคารและหน่วยงานราชการต่าง ๆ มากขึ้นกว่าเคย ณ ตอนนี้ Inventor นั้นสามารถทำงานได้กับ IFC นอกเหนือไปจากรูปแบบของไฟล์ สำหรับการส่งออกอย่าง RFA และ ADSK
*การเข้าถึงการบริการนั้นต้องใช้การเชื่อมต่อทางอินเตอร์เน็ต และขึ้นอยู่กับข้อจำกัดของแต่ละภูมิภาคที่กล่าวถึงไว้ในเงื่อนไขการให้บริการ
เกี่ยวกับออโตเดสก์
ออโตเดสก์ ช่วยให้ผู้คนให้สามารถจินตนาการ ออกแบบ หรือแม้กระทั่งสร้างสรรค์โลกนี้ให้ดีขึ้น ผู้ใช้ซอฟต์แวร์ขออโตเดสก์ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนักออกแบบอาชีพ วิศวกร สถาปนิก ศิลปินดิจิตอล นักเรียน หรือผู้ทำงานอดิเรกนั้นใช้ซอฟท์แวร์ของออโตเดสก์ เพื่อปลดปล่อยแนวคิดสร้างสรรค์ของตัวเอง รวมทั้งแก้ไขปัญหาที่สำคัญต่าง ๆ
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมได้ที่ autodesk.com หรือติดตาม @autodesk