นายเขมชาติกล่าวต่อไปว่า สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุน WHAPF ที่ผ่านมาถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีอย่างต่อเนื่อง และมีการจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนอย่างสม่ำเสมอนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนในปี 2553 เป็นต้นมา ซึ่งหากนับรวมการจ่ายเงินปันผลในครั้งนี้ด้วย กองทุน WHAPF มีการจ่ายเงินปันผลแล้ว 19 ครั้ง เป็นอัตรารวมทั้งสิ้น 3.4341 บาทต่อหน่วย โดยสามารถคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) เฉลี่ยตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 7.05% ต่อปี อย่างไรก็ตามสำหรับผลการดำเนินงานในรอบบัญชีที่ผ่านมา (1 ส.ค. 2558 - 31 ต.ค. 2558) กองทุนยังคงมีรายได้อย่างสม่ำเสมอจากค่าเช่าของอาคารคลังสินค้าและอาคารโรงงานต่างๆ โดยในปัจจุบันกองทุน WHAPF ถือครองทรัพย์สินในโครงการรวมแล้วทั้งสิ้นจำนวน 17 โครงการ อาทิ โครงการคลังสินค้า Kao 1 , Kao 2 และ Kao 3, โครงการอาคารคลังสินค้า DKSH จำนวน 7 โครงการซึ่งตั้งอยู่ที่บางพลี บางปะอิน และบริเวณถนนบางนา-ตราด ก.ม.20, โครงการศูนย์กระจายสินค้า WHA Mega Logistics Center บนถนนบางนา-ตราด ก.ม.19 และโครงการศูนย์กระจายสินค้า WHA Mega Logistics Center บริเวณ อ.พานทอง จ.ชลบุรี, โครงการ DSG 1 และ 2 ในเขตประกอบการเหมราช จ.สระบุรี และยังมีโครงการโรงงานอีก 3 โครงการ คือ โครงการโรงงาน Primus และโครงการโรงงาน Ducati 1 และ 2 ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ. ระยอง
"ภาพรวมการเติบโตของธุรกิจคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าของไทย ในครึ่งปีหลัง 2558 ยังคงได้รับผลกระทบในเชิงลบจากอัตราการส่งออกของไทยที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีสาเหตุมาจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง โดยเฉพาะเศรษฐกิจของจีนและรัสเซีย อย่างไรก็ตามสถานการณ์การลงทุนของกองทุน WHAPF นั้น ได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยปัจจุบัน กองทุนยังมีอัตราการเช่าพื้นที่อยู่ประมาณ 97% ของพื้นที่เช่าทั้งหมด ซึ่งถือว่าเป็นอัตราการเช่าที่อยู่ในระดับสูงเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง เนื่องจากกลุ่มลูกค้าหลักของกองทุนมีพื้นฐานที่มั่นคงทั้งทางด้านการเงินและผลการดำเนินงาน นอกจากนี้ผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการบริหารกลุ่มธุรกิจของกองทุน ได้มีการปรับกลยุทธ์ในการรักษาฐานลูกค้า ทำให้ผลการดำเนินงานของกองทุนไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ในช่วงเวลาที่ทั้งเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกต่างชะลอตัวลง" นายเขมชาติเผย
นายเขมชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า อย่างไรก็ตาม บลจ.กสิกรไทยยังมีมุมมองต่อการเติบโตของธุรกิจคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าของไทยในปี 2559 ว่าจะสามารถฟื้นตัวได้ดีขึ้น โดยปัจจัยบวกจะมาจากการเร่งดำเนินมาตรฐานกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐต่างๆ รวมถึงจุดเด่นของประเทศไทยที่มีความพร้อมในแง่ระบบสาธารณูปโภคและการขนส่ง การมีนิคมอุตสาหกรรมและคลังสินค้าคุณภาพสูง ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาคการลงทุน และจะช่วยเพิ่มโอกาสให้กองทุนยังคงสามารถสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอจากสัญญาเช่าระยะยาวได้
กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม แฟคทอรี่แอนด์แวร์เฮ้าส์ ฟันด์ (WHAPF) จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ดังนั้นสำหรับผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนในกองทุน WHAPF สามารถซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888 หรือที่ www.kasikornasset.com