นาย ธวัชไชย สุทธิกิจพิศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อควา คอร์เปอเรชั่น(AQUA) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ(บอร์ด) ของบริษัทเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.2558 มีมติสำคัญดังนี้ 1.อนุมัติให้บริษัทย่อยทางอ้อมของ AQUAคือบริษัท Green View Godo Kaisha ("GK") (ประเทศญี่ปุ่น) เข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของ Solar Mogami Godo Kaisha (ประเทศญี่ปุ่น) ร้อยละ 100 เป็นเงิน 10,000 เยน หรือประมาณ 3,000 บาท จากผู้ถือหุ้นเดิมในราคาทุน เพื่อเป็นช่องทางเตรียมลงทุนพัฒนาโครงการด้านพลังงานในประเทศญี่ปุ่น
ทั้งนี้ GK ถือหุ้นสัดส่วน 100% โดยบริษัท อควา เพาเวอร์ เป็นบริษัทย่อยของ AQUAด้านแหล่งเงินทุนในการลงทุนครั้งนี้จะมาจากเงินสดคงเหลือของบริษัท ขณะที่เหตุผลในการลงทุนเพื่อเป็นช่องทางในการลงทุนโครงการผลิตไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นซึ่งถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพเพราะมีความต้องการใช้ไฟฟ้าที่สูง ขณะที่รัฐบาลมีนโยบายให้การสนับสนุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ อีกทั้งเป็นโครงการที่สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนเพิ่มโอกาสการเติบโตจากการลงทุนในโครงการต่างประเทศ และยังเป็นการเพิ่มแหล่งรายได้ใหม่ กระจายความเสี่ยงฐานที่มาของแหล่งรายได้ใหม่จากปัจจุบันที่มีสื่อโฆษณา และคลังสินค้าของบริษัท โดยธุรกิจขายไฟฟ้าที่มีความมั่นคงแน่นอนสม่ำเสมอเพราะจะมีสัญญาขายไฟฟ้าระยะยาวจากผู้ซื้อไฟฟ้า
ขณะที่รายการดังกล่าวไม่ใช่รายการที่เกี่ยวโยงกัน และไม่เข้าข่ายเป็นรายการได้มาและจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ที่มีนัยสำคัญตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่เกี่ยวข้อง แต่เป็นรายงานการเข้าร่วมทุนตั้งแต่ร้อยละ 10% ของทุนชำระแล้วของบริษัทที่เข้าร่วมทุน2.บอร์ดมีมติอนุมัติการเข้าทำรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทในการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ Mogami โครงการ Hanamaki ที่ประเทศญี่ปุ่น ขนาดกำลังการผลิตรวม 3.86 เมกะวัตต์ เป็นมูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 1,526 ล้านเยน หรือ 453 ล้านบาท
"การลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่นครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่บริษัทออกไปลงทุนเองในต่างประเทศถือเป็นโครงการที่ให้ให้ตอบแทนที่ดีและมีความเสี่ยงต่ำ มีโอกาสเติบโตจากโอกาสขยายโครงการใหม่ในอนนาคตด้วย นอกจากนี้ AQUA ยังเป็นผู้ถือใหญ่ของ บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก(EPCO) ซึ่งเข้าพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่นอยู่แล้วซึ่งประสบความสำเร็จได้อย่างดี"นาย ธวัชไชย กล่าว
สำหรับการเข้าทำรายการดังกล่าว ถือเป็นรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ ตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทจ. 20/2551 เรื่อง หลักเกณฑ์ในการทำรายการที่มีนัยสำคัญที่เข้าข่ายเป็นการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ และประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่องการเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ พ.ศ. 2547 ("ประกาศรายการได้มาหรือจำหน่ายไป") ซึ่งเมื่อคำนวณตามเกณฑ์ต่างๆ ที่กำหนดโดยใช้มูลค่าสูงสุดที่คำนวณได้จากหลักเกณฑ์ใดเกณฑ์หนึ่ง โดยอ้างอิงจากงบการเงินรวมของบริษัทสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 2558 พบว่ามีขนาดรายการสูงสุดเท่ากับร้อยละ 8.46 ตามเกณฑ์มูลค่าของสิ่งตอบแทน
อย่างไรก็ตาม ในช่วง 6 เดือนก่อนการอนุมัติการเข้าทำรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ในครั้งนี้ บริษัทมีรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ 1 รายการ คือ การซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ไทย คอนซูมเมอร์ ดิสทริบิวชั่น เซ็นเตอร์ จำกัด (TCDC) รวมมูลค่า 315 ล้านบาท โดยได้รับอนุมัติจากที่ประชุมบอร์ดบริษัท ครั้งที่ 9/2558 เมื่อวันที่ 23 ก.ย. 2558 คิดเป็นขนาดรายการสูงสุดร้อยละ 23.73 ตามเกณฑ์กำไรสุทธิจากการดำเนินงาน ซึ่งบริษัทได้ส่งหนังสือเวียนให้ผู้ถือหุ้นรับทราบแล้วเมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2558