"ประมาณการผลผลิตปี 2558 ผลผลิตกุ้งไทยอยู่ที่ประมาณ 260,000 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2557 ที่ผลิตกุ้งได้ 230,000 ตัน หรือร้อยละ 13 ทั้งนี้จากการที่ผู้เลี้ยงปรับเปลี่ยนวิธีการเลี้ยง ทำให้สามารถแก้ปัญหาโรคระบาด EMS ได้สำเร็จ ส่วนผลผลิตกุ้งทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 2.04 ล้านตัน ลดลงจากปี 2557 ประมาณร้อยละ 8 โดยประเทศคู่แข่งหลักมีปริมาณผลผลิตลดลง โดยเฉพาะ จีน เวียดนาม และอินเดีย
ด้านการส่งออก จากข้อมูลการส่งออกกุ้ง เดือน ม.ค. – ต.ค. ปีนี้อยู่ที่ 127,871 ตัน มูลค่า 44,256 ล้านบาท เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2557 ปริมาณ ลดลงร้อยละ 1.21 มูลค่าลดลงร้อยละ 14.43" นายกสมาคมกุ้งไทย กล่าว
นายบรรจง นิสภวาณิชย์ ประธานสมาพันธ์เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งไทย กล่าวถึง การเลี้ยงกุ้งภาคตะวันออกว่า "ภาคตะวันออกในปี 2558 ผลิตกุ้งได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 มีการชะลอตัวบ้างในช่วงปลายปีเนื่องจากเป็นช่วงฤดูหนาว อย่างไรก็ตาม ลูกกุ้งในปี 2558 มีคุณภาพดีขึ้นอย่างชัดเจน ทำให้ผู้เลี้ยงกุ้งมีความมั่นใจลงกุ้งมากขึ้น และปีหน้าผลผลิตเพิ่มขึ้นเพราะเกษตรกรเตรียมลงกุ้งเลี้ยงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี และจะมีการเพิ่มการจัดการการเลี้ยงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น"
นายสมชาย ฤกษ์โภคี กรรมการบริหารสมาคมฯ และ ประธานชมรมผู้เลี้ยงกุ้งสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า "สถานการณ์การเลี้ยงกุ้งภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย ซึ่งประสบปัญหาโรค EMS มาเป็นเวลา 3 ปีเต็ม ได้มีการปรับปรุงและหาวิธีการเลี้ยง โดยปรับโครงสร้างฟาร์มและวิธีการจัดการ จนได้วิธีการเลี้ยงที่สามารถเลี้ยงได้ประสบผลสำเร็จ ทำให้มีผลผลิตถึงเดือนพฤศจิกายน ประมาณ 80,700 ตัน คิดเป็นประมาณ 38% ของประเทศ และด้วยแนวทางการเลี้ยงรูปแบบใหม่นี้ จะทำให้ผลผลิตกุ้งในปี 2559 เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน"
นายชัยพร เอ้งฉ้วน กรรมการบริหารสมาคมฯ กล่าวถึงสถานการณ์การเลี้ยงกุ้งภาคใต้ในฝั่งอันดามันว่า "ปัญหา EMS ในภาคใต้ฝั่งอันดามัน มีแนวโน้มดีขึ้น จาก 2 ปัจจัยคือ สิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น และเกษตรกรมีการปรับปรุงวิธีการเลี้ยง ทำให้ผลผลิตกุ้งภาคใต้ฝั่งอันดามันเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณร้อยละ 15 โดยมีการผลิตทั้งกุ้งขาวและกุ้งกุลาดำ สำหรับพื้นที่อันดามันถือเป็นแหล่งผลิตกุ้งกุลาดำที่มีศักยภาพ แต่เนื่องจากตลาดหลักของกุ้งกุลาดำคือการส่งกุ้งมีชีวิตไปจีน ทำให้บางพื้นที่มีศักยภาพแต่ไม่สามารถเลี้ยงได้ เนื่องจากไม่สามารถส่งออกได้"
ท.พ.สุรพล ประเทืองธรรม นายกกิตติมศักดิ์สมาคมกุ้งไทย และนายกสมาคมผู้เลี้ยงกุ้งทะเลไทย กล่าวว่า "ตลอด 3 ปี ที่อุตสาหกรรมกุ้งไทยเผชิญ ปัญหาโรค EMS แต่ภาคผ้เลี้ยงไม่เคยถอดใจ และพยายามแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่จนปัจจุบันเราสามารถแก้ปัญหาการผลิตได้อย่างมั่นใจ และปี 59 จะเป็นโอกาสพลิกฟื้น ของอุตสาหกรรมกุ้งไทย เพราะจะมีผลผลิตเพิ่มขึ้น ทั้งในแง่ปริมาณ และคุณภาพ จากปัจจัยหลักทั้งเรื่องคุณภาพลูกกุ้ง และการปรับวิธีการเลี้ยง ในขณะที่ประเทศค่แข่งจะผลิตได้น้อยลง อย่างไรก็ตาม ห้องเย็น และผู้เลี้ยง จะต้องมีการประสานข้อมูลอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันปัญหาราคาตกในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดพร้อมกัน"
"ปี 2559 จะเป็นปีที่การเลี้ยง/อุตสาหกรรม กุ้งไทยฟื้นตัว ผลผลิตกุ้งไทยจะเพิ่มขึ้น ในขณะที่ผลผลิตกุ้งโลกมีแนวโน้มลดลง เช่น อินเดีย ที่ถือเป็นประเทศที่ผลิตกุ้งได้มากที่สุด 380,000 ตัน ในปี 2558 ปีหน้าคาดว่าจะผลิตกุ้งลดลงมาก เนื่องจากประสบปัญหาโรคไมโครสปอริเดีย ที่อินเดียยังไม่รู้วิธีป้องกันจัดการฯ ขณะที่ประเทศไทยมีบริษัทที่มีความมั่นใจ ที่จะสามารถป้องกัน-แก้ไขปัญหานี้ได้ โดยสามารถเพาะลูกกุ้งที่ไม่ติดเชื้อนี้ ซึ่งเมื่อเกษตรกรนำไปเลี้ยง จะเลี้ยงได้ เป็นต้น การที่ผลผลิตกุ้งของโลกจะลดลงนี้ ทำให้ราคากุ้งของโลกน่าจะสูงขึ้น นอกจากนี้ ผู้นำเข้าจะหันกลับมาซื้อกุ้งจากประเทศไทย เพราะยอมรับ-เชื่อมั่นในความสม่ำเสมอของคุณภาพกุ้งไทย หลังจากที่หายไปเนื่องจากไทยมีปัญหาเรื่องความเชื่อมั่นเรื่องปริมาณ และความสม่ำเสมอของวัตถุดิบในปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องติดตามและเฝ้าระวังคือ ประเด็นแรงงาน/แรงงานทาส ที่จะถูกนำมาเป็นประเด็นสำคัญ กดดันประเทศไทยต่อไป จากประเทศสหรัฐ และอียู" นายกสมาคมกุ้งไทย กล่าวทิ้งท้าย