ศูนย์การค้าสยามสแควร์วัน จัดกิจกรรมสร้างสรรค์ โดยจัดเมืองธุรกิจจำลองสนับสนุนให้นิสิตนักศึกษาสร้างแบรนด์เองพร้อมโชว์ไอเดียส่งท้ายปี ’58 ในโครงการ “Dare U To Share โชว์ของมาลองไอเดีย”

พฤหัส ๑๔ มกราคม ๒๐๑๖ ๑๘:๓๘
ศูนย์การค้าสยามสแควร์วัน แหล่งรวมตัวสำหรับวัยรุ่นวัยเรียนในการทำกิจกรรมทั้งในด้านสันทนาการ ช้อปปิ้ง และสาระประโยชน์ในเชิงสร้างสรรค์เพื่อเรียนรู้สิ่งต่างๆ จัด โครงการ "Dare U To Share โชว์ของ มาลองไอเดีย" โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้นิสิตนักศึกษาโดยเปิดโอกาสให้นิสิตนักศึกษาได้ลองทำธุรกิจสร้างแบรนด์ของตนเอง ปูทางก่อนออกไปสู่วงการธุรกิจในชีวิตจริงเป็นการสร้างตัวอย่างที่ดีแก่นิสิตนักศึกษาในการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ แล้วยังเป็นการสร้างรายได้เสริมระหว่างการศึกษา โดยจัดสรรพื้นที่ให้เปิดร้านขายสินค้าแบบไม่คิดค่าเช่า โดยงาน Dare U To Share ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 4 ในรอบปีนี้ และถือเป็นกิจกรรมส่งท้ายปี 2558 เพื่อรวมพลให้นิสิตนักศึกษาได้มาโชว์ของโชว์ไอเดียผ่านแนวคิดของตนเอง เปรียบเสมือนเป็นเวทีจำลองที่ให้นิสิตนักศึกษาได้รู้จักการสร้างธุรกิจเพื่อต่อยอดและปูทางก่อนออกปสู่วงการธุรกิจในชีวิตจริง โดยมีนิสิตนักศึกษาให้ความสนใจร่วมกิจกรรมจำนวนมาก

ส่วนหนึ่งที่ผ่านการคัดสรรมาร่วมกิจกรรมและมีผลงานโดดเด่น อาทิ นางสาวกมเลศ ฤทธิ์เดชา (ใบตอง) นิสิตจากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งสร้างสรรค์น้ำหอมโฮมเมดชื่อแบรนด์ beth's (เบธ) โดยได้แรงบันดาลใจจากความชอบของตนเองที่ชอบน้ำหอมอยู่เป็นทุนเดิม และคิดว่าน้ำหอมสามารถบ่งบอกเอกลักษณ์ของแต่ละคนได้ นอกจากนี้น้ำหอมตามเคาน์เตอร์แบรนด์มีราคาสูงมาก ทั่วไปก็ 3 - 4 พันบาท นักศึกษาอาจจะซื้อไม่ไหว แถมขวดหนึ่งใช้ได้ประมาณ 1 เดือน กลิ่นก็ไม่ติดทนนาน ต้องเติมทุกครึ่งวัน จึงลองศึกษาหาข้อมูลและปรุงน้ำหอมขึ้นมาใช้เองเพื่อแก้โจทย์ดังกล่าว พอพบปะคนอื่น ก็จะมีคนทักว่าใช้น้ำหอมกลิ่นไหนแบรนด์ไหน เมื่อเพื่อนๆ สนใจมากขึ้น จึงเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างแบรนด์ตนเองขึ้นมาบ้าง เริ่มจากร้านเล็กๆ ขายผ่านออนไลน์ ประจวบเหมาะกับศูนย์การค้าสยามสแควร์วันจัดโครงการให้นิสิตมาเปิดร้านขายของฟรี เลยเป็นจุดกำเนิดที่คิดสร้างแบรนด์อย่างจริงจังเพื่อให้เป็นที่รู้จักกว้างมากขึ้น และมีหน้าร้านของตนเอง พร้อมเริ่มขยายตลาด นำเอากำไรที่ได้มาลงทุนให้กำไรขยายตัวแบรนด์เอง

จุดเด่นของแบรนด์น้ำหอม beth's คือ มีกลิ่นที่ติดทนนานพอๆ กับเคาน์เตอร์แบรนด์ดัง ถ้าฉีดที่ผิวหนังจะติดทนนานประมาณ 3 - 4 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับปัจจัยที่แปรผันตามมลภาวะที่เราเจอ แต่ถ้าฉีดที่เสื้อผ้ากลิ่นจะติดทนนานเป็นวัน และที่สำคัญที่สุดคือราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับคุณภาพ ตอนนี้นอกจากหน้าร้านที่นี่แล้ว กำลังขยายตลาดลงไปภาคใต้เพราะเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้หญิงมุสลิมที่ชอบใช้น้ำหอม และมีลู่ทางส่งไปขายที่มาเลเซียด้วย นอกจากนี้ก็พยายามพัฒนาสินค้าให้มีกลิ่นหลากหลายยิ่งขึ้น แต่จะเน้นแนวหอมหวานและกลิ่นไม่เหมือนใคร เพราะปรุงแบบโฮมเมดจริงๆ" นางสาวกมเลศ กล่าว

ส่วนเสื้อผ้าแฟชั่นแบรนด์ BLACKSMITH (แบล็คสมิธ) ของนายพีรพัฒน์ เชาวนวิรัตน์ (ริว) นิสิตคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีแรงบันดาลใจมาจากที่เป็นคนชอบแต่งตัวและหลงใหลในแฟชั่น ชอบใส่อะไรไม่เหมือนคนอื่นและมักพบปัญหาในการเลือกซื้อเสื้อผ้าคือ ไม่สามารถเลือกเสื้อผ้าตามแบบที่ต้องการได้ และบางครั้งเสื้อผ้าที่ชอบก็มีราคาที่ค่อนข้างสูงเกินกว่านักศึกษาจะซื้อได้ เลยเลือกออกแบบและทำแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเองในราคาที่ทุกคนจับต้องได้

ไฮไลท์ของแบรนด์ BLACKSMITH คือเป็นเสื้อผ้าแฟชั่นผู้ชายที่เรียบง่ายแต่หรู ใส่ได้บ่อยๆ สามารถนำมา Mix & Match ตัดเย็บอย่างมีคุณภาพ ในราคาที่สมเหตุสมผล โดยเป็นแฟชั่นสไตล์ Urban Minimalist คือมีความเป็นคนเมือง ออกแบบให้ดูเรียบเท่แต่ไม่ธรรมดา เพราะจะมีดีเทลตกแต่งเล็กๆน้อยๆ เช่น ซิป กระเป๋า กระดุม ฯลฯ เป็นเสื้อผ้าที่ใส่ได้จริงในชีวิตประจำวันและดูสะดุดตา ซึ่งการออกแบบ ตนเป็นผู้ดีไซน์ทั้งหมด เลือกผ้าเองและดูแลตัดเย็บเองด้วย จะเน้นโทนสีขาวดำและเอิร์ธโทน ใช้ผ้านำเข้า หลากหลายเนื้อ เช่น Japanese Cotton, Popcorn, Denim, Leather โดยรุ่นที่เป็นซิกเนเจอร์ของร้านคือ Sebastian เสื้อยืดแขนยาว เนื้อผ้าแน่นนุ่มพิมพ์นูนสวย แต่งด้วยซิปเงินวาวบริเวณข้อศอกทั้ง 2 ข้าง สามารถรูดเปิดปิดเพื่อปรับเปลี่ยนตามสไตล์ที่ต้องการ ส่วนคอลเลคชั่นล่าสุดนำเอาผ้าลินินเบลเยี่ยมมาทำเชิ้ตและแต่งกระเป๋าที่ปลายแขนกว้าง ให้ลุคแบบ Minimal Luxury

อีกหนึ่งผลงานที่น่าสนใจ คือ กระเป๋าเป้แบรนด์ LISSE (ลิสส์) โดย นางสาวพัทธนันท์ บุญยะรัตกานนต์ (เน็ต) จากคณะอักษรศาสตร์ และ นายไชยภพ เลิศวณิชสกุล (โฟน) คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สองหนุ่มสาวที่การเรียนก็ไม่ทิ้งแถมยังมุ่งธุรกิจอย่างเป็นล่ำเป็นสัน เพราะผลิตภัณฑ์ที่สร้างกับมือได้รับความสนใจจากหมู่วัยรุ่นวัยเรียนเนื่องจากเป็นที่ต้องการของกลุ่มเป้าหมายและเข้ากับไลฟ์สไตล์นักศึกษา ไอเดียจึงบรรเจิดเพราะเทรนด์การใช้แฟ้มใส่เอกสารหรือหนังสือเรียนกำลังฮิตอย่างมากในหมู่นิสิตนักศึกษา รวมถึงผู้คนวัยทำงานที่ต้องพกพาเอกสารหรือโน้ตบุ๊ค ซึ่งการถือแฟ้มทำให้ยุ่งยากในการทำกิจกรรมต่างๆ เช่น เดินทางขึ้นรถโดยสาร ถือของกิน เป็นต้น จึงทำให้เกิดกระเป๋าแบรนด์ LISSE (ลิสส์) ซึ่งมาจากภาษาฝรั่งเศสซึ่งแปลว่า "ความเรียบง่าย" ที่จะช่วยให้การใช้ชีวิตประจำวันของเราง่ายขึ้น โดยการออกแบบให้มีลักษณะคล้ายกับแฟ้มผสมผสานกับกระเป๋าสะพายหลัง จุดเด่นจึงอยู่ที่ความสะดวกต่อการใช้งาน การออกแบบที่ไม่เหมือนใคร เพราะออกแบบเองและสั่งตัดโดยเฉพาะ ด้วยรูปแบบที่เรียบง่ายแต่มีความหรูหรา ตามคอนเซปต์ "กระเป๋าที่จะทำให้ชีวิตคุณเรียบง่าย" และความคงทนแข็งแรง เพราะผลิตจากหนัง PU เกรด A ทำให้กระเป๋าคงทน สามารถกันน้ำได้ รวมถึงซิปเหล็กที่ทำให้กระเป๋ามีความแข็งแรงยิ่งขึ้น

ภายในงานยังได้รับเกียรติจาก คุณพุทธรัตน์ หอวัง เซเลบหนุ่มเจ้าของแบรนด์ Mochiron สุดอินเทรนด์ ที่นำซาลาเปาแบบบ้านๆ มาประยุกต์เป็นขนมสตีมบันแสนอร่อยในบรรยากาศแห่งโลกจินตนาการ ซึ่ง Mochiron เป็นร้านซาลาเปา สไตล์ไทย-ญี่ปุ่น ตั้งอยู่ที่สยามสแควร์ ซอย 10 โดยคุณพุทธรัตน์มีแนวคิดในการตั้งร้านขึ้นมาเพราะเป็นคนชอบทานอาหารและซาลาเปา จึงไปศึกษาต่อด้านอาหารฝรั่งเศสที่ต่างประเทศ ประกอบกับที่บ้านทำธุรกิจอาหาร อาทิ ขนมจีบ ติ่มซำ ได้คลุกคลีมาตั้งแต่ยังเด็กๆ เลยทำให้มีโอกาสลองทำธุรกิจ และโดยส่วนใหญ่จซาลาเปาจะยึดติดอยู่กับความเป็นจีน แต่ Mochiron เป็นสไตล์ญี่ปุ่น

โดยคุณพุทธรัตน์ได้กล่าวถึงจุดเด่นของร้านที่ไม่เหมือนใครว่า เป็นความแปลกใหม่และตั้งใจทำ รวมถึงใส่ความเป็นตัวเองเข้าไปในการตกแต่งร้าน จะเห็นได้ว่ามีการ์ตูนอยู่ภายในร้านมากมายและกรรมวิธีการผลิต กว่าจะได้ซาลาเปาออกมาแต่ละลูกใช้เวลาในการทำนานพอสมควร ต้องใช้ความพิถีพิถันในการทำเป็นอย่างมากกว่าจะได้ออกมาแต่ละชิ้น และอีกจุดเด่นหนึ่งของทางร้านคือ ส่วนใหญ่แล้วซาลาเปาจะมีแป้งเป็นส่วนประกอบประมาณ 60 - 70 เปอร์เซ็นต์ แต่ซาลาเปาของ Mochiron จะแบ่งเป็นแป้งและไส้อย่างละ 50 เปอร์เซ็นต์

ขณะที่ซาลาเปาในปัจจุบันส่วนใหญ่ใช้กรรมวิธีในการผลิตด้วยยีสต์สำเร็จรูป แต่ทาง Mochiron ใช้กรรมวิธีแบบจีนโบราณ ซึ่งใช้เวลาในการผลิตนานถึง 3 วัน กว่าจะได้ซาลาเปาออกมา 1 ลูก และอีกกลยุทธ์หนึ่งที่สำคัญในการทำธุรกิจก็คือ ทำเลที่ตั้งของร้าน ที่เลือกสยามสแควร์เพราะเป็นแหล่งของคนรุ่นใหม่เด็กวัยรุ่น และที่บ้านมีร้านอยู่ที่สยามสแควร์มานานกว่า 30 ปีแล้ว เลยเห็นถึงการเจริญเติบโตของสยามสแควร์ และคิดว่าตรงกับกลุ่มเป้าหมายของทางร้าน Mochiron รวมไปถึงกลยุทธ์ในการมัดใจลูกค้า ทั้งนี้การเปิดร้านช่วง 2 - 3 เดือนแรก เราไม่ได้ฮาร์ดเซลล์ ทำให้ธุรกิจค่อนข้างติดขัด แต่จะเน้นขายของที่ดีมีคุณภาพจริงๆ เพื่อให้ได้ลูกค้าในระยะยาว สำหรับการเริ่มทำธุรกิจของนิสิตนักศึกษาในโครงการ Dare U To Share ถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี และควรต้องทำในสิ่งที่เรามีอยู่ในปัจจุบันนี้ให้ดีขึ้น แล้วค่อยๆ พัฒนาให้ดีขึ้นไปอีก

คุณณรงค์วิทย์ ทองเนตร หรือ ป๋อง แห่งเสื้อผ้าแฟชั่น ZIBETH THAILAND ก็มาร่วมแชร์ประสบการณ์สร้างแบรนด์และโมเดลธุรกิจตามสไตล์ตนเอง โดยกล่าวว่าตนเองเป็นดีไซเนอร์เริ่มจากศูนย์ ไม่จบสถาบันใดๆ อาศัยความมีใจรักแฟชั่นและความมุ่งใฝ่ฝันเป็นแรงขับเคลื่อน แต่ปัจจุบันสามารถออกแบบแฟชั่นเสื้อผ้าให้ศิลปินดารานักร้องชื่อดังมากมาย รวมทั้งกลุ่มไฮโซ อาทิ ใหม่ เจริญปุระ, คริสติน่า ,แตงโม ภัครมัย, โย ยสวดี, แพนเค้ก เขมนิจ เป็นต้น ซึ่งการออกแบบเสื้อผ้าของเราจะต้องทำทุกวัน เพราะแน่นอนลูกค้าเองก็คงต้องการชุดที่เป็นหนึ่งเดียวไม่ซ้ำใคร ส่วนแผนในอนาคต ต้องการจะไปเปิดร้านเสื้อผ้าในต่างประเทศ โดยใช้แบรนด์ ZIBETH THAILAND หรือถ้ามีโอกาสอยากจะได้ออกแบบเสื้อผ้าให้กับดาราในระดับฮอลลีวู้ดได้สวมใส่สักครั้ง

DIY ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ทำให้ผู้ชมงานได้ร่วมเกิดไอเดีย ทั้ง Color Bag by Chulapastel ที่สอนงานสร้างสรรค์ชิ้นงานจากเศษผ้าเหลือใช้ ตกแต่งกลายเป็นถุงใส่ของจิปาถะต่างๆ ลวดลายน่ารัก สีสันหวานแหว๋ว เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับของที่ไม่ได้ใช้แล้ว และการปลูกต้นไม้ในโหลแก้ว Mini Garden by CHOCOHOLIC ก็สร้างความทึ่งแก่ผู้คนชมงาน เพราะนอกจากจะเป็นกิจกรรมเพลินเพลินแล้วยังสามารถสร้างรายได้นับหมื่น

กิจกรรมเปิดและปิดท้ายของงานแต่ละวันประกอบด้วยโชว์การแสดงจากนักศึกษาต่างๆ อาทิ เต้นศิลปะประยุกต์ การเล่นดนตรีร่วมสมัย "ขิมวงสุวรรณหงส์" ที่เคยร่วมประกวด Thailand Got Talent อีกด้วย

นายบุญส่ง ศรีสว่างเนตร กล่าวสรุปท้ายว่า "ต้องขอชื่นชมไอเดียหลากหลายของเหล่าน้องๆ นิสิตนักศึกษา และความตั้งใจอย่างเต็มที่ในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะและดำเนินธุรกิจ จนอาจสามารถยึดเป็นอาชีพในอนาคต รวมถึงขอขอบคุณคนทั่วไปที่มาร่วมชมงานและซื้อสินค้าของนิสิตนักศึกษา เพราะเป็นกำลังใจให้พวกเขาได้ก้าวต่อไป สำหรับกิจกรรมครั้งนี้เป็นกิจกรรมที่ปิดท้ายจบแคมเปญปี 2558 ปีหน้าก็จะมีกิจกรรมดีๆ เช่นนี้อีกแน่นอน สำหรับนิสิตนักศึกษาที่ต้องการร่วมโครงการ กิจกรรม หรือเปิดร้านขายผลงานสร้างสรรค์ต่างๆ ในชื่อแบรนด์ตนเองที่ศูนย์การค้าสยามสแควร์วัน เรายินดีส่งเสริมทุกคนที่มีความตั้งใจจริง สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานสยามสแควร์วัน โทรศัพท์ 091-545-3804 หรือเว็บไซต์ www.siamsquareone.com และ www.facebook.com/SIAMSQUAREONE" นายบุญส่ง กล่าวในที่สุด

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO