นางสุภาพร ลีนะบรรจง รักษาการประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.กรุงศรี เปิดเผยว่า "แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปีนี้คาดว่าจะเติบโตได้ปานกลาง ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยธนาคารกรุงศรีได้คาดการณ์ GDP ปี 2559 เติบโตที่ระดับ 3.2% โดยปัจจัยหลักที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจในปีนี้ยังคงเป็นการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายและลงทุนจากภาครัฐบาล โดยการใช้จ่ายภาครัฐและการบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มที่ขยายตัวได้ดีขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีความชัดเจนมากขึ้นในการใช้งบประมาณกลางและการเบิกจ่ายที่คาดว่าจะเร่งตัวในสัดส่วนที่สูงขึ้น"
"อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังคงมีความเสี่ยงที่อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอาจต่ำกว่าที่คาดไว้ โดยเป็นผลมาจากเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้ามีแนวโน้มที่จะขยายตัวได้น้อยกว่าที่คาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเศรษฐกิจของประเทศจีนที่ยังคงมีแนวโน้มชะลอตัวลงซึ่งเป็นปัจจัยกดดันให้การส่งออกของไทยยังไม่สามารถขยายตัวได้ ประกอบกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์และสินค้าเกษตรที่คาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับต่ำ"
"บลจ.กรุงศรี คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะคงไว้ที่ระดับร้อยละ 1.50 ตลอดทั้งปี 2559 ซึ่งอัตราดอกเบี้ยในระดับปัจจุบันยังคงอยู่ในระดับที่ผ่อนคลายเพียงพอต่อภาวะเศรษฐกิจไทยที่ทยอยฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากการลดดอกเบี้ยลงอีกอาจมีประสิทธิผลต่อเศรษฐกินไทยค่อนข้างจำกัด ดังนั้นธปท. จึงให้ความสำคัญกับการรักษาเสถียรภาพระบบการเงินในระยะยาวมากกว่าภายหลังจากที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำเป็นระยะเวลานาน"
"สำหรับมุมมองที่มีต่อตลาดหุ้นนั้น บลจ.กรุงศรี มีมุมมองว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังคงมีแนวโน้มผันผวนในระยะสั้น อย่างไรก็ตามในระยะยาว บริษัทยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนตราสารทุน ที่ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนฯ มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ว่าปีนี้กำไรของบริษัทจดทะเบียนฯจะเติบโตได้ 10% และมีเป้าหมายดัชนีสิ้นปีที่ 1,432 จุด"
"สำหรับแนวทางการบริหารกองทุนตราสารทุนยังคงให้ความสำคัญกับการคัดเลือกหลักทรัพย์ที่จะลงทุนรายตัว โดยใช้ข้อมูลที่ได้รับจากการพบปะกับผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนฯ การวิเคราะห์บริษัทจดทะเบียนฯ ทั้งในเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ รวมถึงการติดตามผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนฯ อย่างสม่ำเสมอ โดยในช่วงนี้ถือว่าเป็นจังหวะที่ดีในการทยอยลงทุน หากมองย้อนหลังกลับไปช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยค่อนข้างผันผวน แต่กองทุนหุ้นเติบโตสูงภายใต้การบริหารจัดการของ บลจ.กรุงศรี อย่างกองทุนเปิดกรุงศรีอิควิตี้ (KFSEQ) ก็มีผลการดำเนินงานที่เหนือกว่าตลาด"
Mr. Luke Spajic , Pd.D. Executive Vice President and Portfolio Manager ,PIMCO มีมุมมองว่า "อัตราดอกเบี้ยนโยบายธนาคารกลางทั่วโลกจะยังคงต่ำกว่าอัตราเฉลี่ยที่ผ่านมา และการดำเนินการต่างๆของธนาคารกลางสหรัฐที่อาจเกิดขึ้นในปี 2559 จะส่งผลต่ออัตราดอกเบี้ย ตลาดสินเชื่อ และอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศได้"
Mr.Tai Hui Managing Director , chief Market Strategist , Asia ,J.P. Morgan Asset Management
เปิดเผยว่า "บริษัทมีมุมมองว่าสหรัฐอเมริกาและยุโรปยังคงรักษาสมดุลของเศรษฐกิจได้ดี อย่างไรก็ตาม ยุโรปและญี่ปุ่น ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดมาตรการผ่อนคลายในเชิงปริมาณทางการเงินมากขึ้น ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าธนาคารของประเทศในกลุ่มจี 4 และเอเชียจะยังคงดำเนินนโยนาบอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำต่อไป"
Mr.Ricky Tang Associate Product Manager , Multi-Asset , Schroder Investment Managementเปิดเผยว่า "ในปี 2559 การเติบโตในเอเชียจะยังคงเป็นไปอย่างช้าๆ เนื่องจากการเติบโตทั่วโลกไม่สามารถเพิ่ม อุปสงค์สำหรับการส่งออกของเอเชียได้ ในขณะที่การชะลอตัวของการเติบโตทางด้านสินเชื่อภายในภูมิภาคส่งผลกระทบต่อการบริโภคภายในประเทศ นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนจากราคากลุ่มพลังงานที่ปรับตัวลดลงลง เงินหยวนที่อ่อนค่า และตลาดหุ้นจีนที่ผันผวน รวมทั้งความเสี่ยงจากความผิดพลาดทางนโยบายจากจีนอาจส่งผลให้เกิดความผันผวนในตลาดหุ้นจีนเพิ่มมากขึ้น"
"อย่างไรก็ตาม การปรับลดลงของตลาดหุ้นเอเชียในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคานั้นอยู่ในระดับที่น่าสนใจในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับหุ้นปันผล ทั้งนี้หากอ้างอิงจากตลาดสหรัฐ จะพบว่าหุ้นปันผลนั้นมีแนวโน้มที่จะสร้างผลตอบแทนได้ดี เมื่อดัชนีความผันผวน (VIX) สูงกว่า 25 ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการหลีกเลี่ยงความไม่ชัดเจนของนักลงทุน ที่กลับมามองหาหลักทรัพย์ที่มีกระแสเงินสดและกำไรที่คงที่จากหุ้นที่ให้ปันผลสูงในช่วงที่ตลาดมีความไม่แน่นอนสูง เนื่องจากนักลงทุนต้องการกระแสเงินสดหรือรายได้มากขึ้นจากหุ้นปันผลสูงในช่วงเวลาที่มีความไม่แน่นอนสูง อีกทั้งหุ้นปันผลสูงในเอเชียขณะนี้ก็มีคุณภาพดีกว่าที่ผ่านมา เนื่องจากการเติบโต ความสามารถในการทำกำไร และมุมมองในการประเมินมูลค่าเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ สำหรับตราสารหนี้ของเอเชียยังคงให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ และคาดว่าสกุลเงินต่างๆ ของเอเชียจะยังคงอ่อนค่าในปี 2559"
นักลงทุนสามารถสอบถามรายละเอียดข้อมูลกองทุนพิ่มเติมได้ที่ บลจ.กรุงศรี จำกัด โทร. 02-657-5757 หรือ เว็บไซต์ www.krungsriasset.com หรือ ติดต่อธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกสาขา